การแถลงข่าวความร่วมมือระหว่างไทยกับเมียนมา ในการตรวจยึดและจับกุมผู้นำเข้าสารโซเดียมไซยาไนด์ ที่พบการลักลอบขนออกจากไทยไปยังอำเภอท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ระบุว่า ทางหน่วยปราบปรามยาเสพติดของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ประจำจังหวัดท่าขี้เหล็ก จับกุมนายสวัสดิ์ แก้วดำ คนขับรถบรรทุกที่ขนสารโซเดียมไซยาไนด์ จำนวน 15 ตัน หลังจากที่ศุลกากรด้านเชียงแสน ประสานข้อมูลมาว่าจะมีการขออนุญาตส่งออกสารโซเดียมไซยาไนด์จากประเทศไทยไปยังเมียนมา โดยลำเลียงผ่านแม่น้ำโขง แต่ด่านศุลกากรเชียงแสนไม่อนุญาตให้ส่งออก เพราะตามข้อตกลงว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ระบุว่าเป็นวัตถุอันตราย จึงใช้วิธีขนส่งโดยใช้รถบรรทุกทางการไทยตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการขออนุญาตส่งออกถูกต้องตามกฎหมายไทย มีการระบุถึงจุดหมายปลายทางชัดเจน จึงประสานทางการเมียนมาให้ตรวจสอบ เพราะเป็นการส่งออกในปริมาณมาก แม้จะอ้างว่าไปในใช้เหมืองแร่ก็ตาม แต่สารนี้สามารถนำไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดได้ ทางการเมียนมาตรวจสอบปลายทางขนส่ง พบว่าไม่ตรงกับที่ระบุไว้ในเอกสารขออนุญาต จึงจับกุมและสอบปากคำ นายสวัสดิ์อ้างว่า นำส่งให้ผู้ที่รอรับในย่างกุ้ง จึงดำเนินคดีเบื้องต้น ในข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ส่วนจะมีการนำตัวมาดำเนินคดีในไทยหรือไม่ ต้องดูในข้อกฎหมายต่อไป และต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ต้องหาด้วย เพราะเป็นเพียงคนขับรถบรรทุกเท่านั้น
ป.ป.ส. ได้ทำการขยายผล พบว่า บริษัทขนส่งสารโซเดียมไซยาไนด์ เป็นบริษัทของชาวจีน และตั้งข้อสงสัยว่า หากจะนำส่งสารไปที่ย่างกุ้ง ทำไมต้องนำสารเข้ามาทางแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี แล้วขนส่งไปทางภาคเหนือ เพื่อไปย่างกุ้ง ทั้งที่ต้นทางจากจีนกับย่างกุ้ง อยู่ติดพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ กับให้ทางการเมียนมาตรวจสอบเพิ่มเติมว่าอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมามีความต้องการใช้สารโซเดียมไซยาไนด์จำนวนเท่าใด เพื่อที่การทางไทยจะได้ตรวจสอบก่อนส่งออก หากพบนำเข้าและส่งออกเกินกว่าที่กำหนด จะได้สกัดจับต่อไป
ทั้งนี้ป.ป.ส. ได้ให้ห้องแล็บคำนวน สารโซเดียมไซยาไนด์ จำนวน 15 ตัน สามารถนำไปเป็นสารตั้งต้น P2P หรือ เฟนิล-2-โพรพาโนน นำไปสกัดเป็นไอซ์ได้ 5,900 กิโลกรัม และสกัดเป็นยาบ้าได้ 295 ล้านเม็ด หากนำเข้าไปในรัฐฉาน จะนำไปสู่การผลิตยาเสพติดของว้าเหนือและว้าใต้ต่อไป
...
ผสข.ปภาดา พูลสุข