การเข้าตรวจค้นโรงงานนำเข้าขยะผิดกฎหมาย พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำหมายค้นเข้าตรวจค้น บริษัทไทยอินเตอร์ไพรส์ กรุ๊ป จำกัด อำเภอเมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานคัดแยกวัสดุไม่ใช้แล้ว และเป็นจุดที่พบว่ามีการนำเข้าขยะผิดกฎหมาย โดยมีนางสาวพิมพ์พัชชา เนตรสว่าง เป็นกรรมการบริษัท
พลตำรวจเอกวิระชัย เปิดเผยว่า การค้นบริษัทดังกล่าวเป็นการขยายผลจากการเข้าตรวจค้นโรงงานที่ไม่มีใบอนุญาต ที่ตำบลคลองด่าน จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนพบว่ามีรถขนของจากแหลมฉบังกำลังขนขยะเข้าโรงงาน จึงตรวจสอบกระทั่งพบว่าบริษัทไทยอินเตอร์ไพรส์ กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้นำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์
สำหรับการตรวจค้นวันนี้ทราบว่าบริษัท มีกำลังการผลิตพลาสติก 9, 000 ตันต่อปี และสามารถนำเข้าขยะพลาสติกได้ 15, 000 ตันต่อปี ซึ่งบริษัทนี้ได้นำเข้าเกินโควต้า อีกทั้งผู้ประกอบการไม่ได้นำมาใช้ในโรงงานของตนเอง แต่กลับนำส่งต่อให้โรงงานอื่นอีกกว่า 3 โรงงาน ถือว่าผิดกฎหมาย ดังนั้นการดำเนินการของบริษัทแห่งนี้ทั้งในฐานะนิติบุคคลและผู้แทนบริษัทมีความผิดฐานฝ่าฝืนมาตราการเพื่อการประโยชน์ในการจัดระเบียบ ในการส่งออกนำเข้าซึ่งสินค้า
หลังจากนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเสนอให้กรมโรงงานกระทรวงอุตสหกรรมเพิกถอนโควต้านำเข้าพลาสติกต่อไป รวมทั้งยังพบเอกสารทางการเงินที่เชื่อมโยงกับโรงงานที่ทำการขนถ่ายสินค้าที่คลองด่าน และยังพบว่ามีการโอนเงินไปยังประเทศจีนวันละ1ล้านบาท โดยในห้วงเวลา20กว่าวันที่ผ่านมา มีหลักฐานยืนยันว่าโอนเงินไปแล้วกว่า28ล้านบาท ด้านตรวจสอบภาษีนี้จะให้เจ้าหน้าที่สรรพกรเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง
ส่วนขยะที่พบในโกดังของบริษัทไทยอินเตอร์ไพรส์ กรุ๊ป จำกัดในวันนี้เป็นขยะที่ถูกต้อง สะอาด พร้อมใช้งานและเป็นพาสติกชนิดเดียวกันที่บริษัทแจ้งไว้ จึงไม่มีความผิด ส่วนขยะพลาสติก และขยะอิเล็กทรอนิคที่พบบริเวณคลองด่านเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนนั้น เชื่อได้ว่าขยะเหล่านั้นถูกส่งไปยังที่อื่น ซึ่งไม่ใช่บริษัทของตนเอง โดยไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด จะต้องตรวจสอบต่อไปว่าถูกส่งไปยังบริษัทใด
ส่วนจะเข้าข่ายเป็นนอมินีหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เบื้องต้นพบว่าผู้ประกอบการมีชื่อเป็นคนไทยเชื้อสายจีน และจะตรวจสอบด้วยว่ามีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
ในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นโรงงานที่เกี่ยวข้องกับบริษัทอีก 2 แห่ง ที่อยู่ในละแวกเดียวกัน แต่พบว่าทั้ง 2 โรงงานได้ปิดล็อกประตู และติดป้ายให้เช่าโรงงาน ก่อนเจ้าหน้าที่จะไปถึง แต่เมื่อสังเกตจากด้านนอกเข้าไปก็พบกับถุงบรรจุขยะขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก และมีรถที่ใช้ขนของจอดอยู่ด้านใน แต่ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในได้
ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ ผู้สื่อข่าว