หลังมีเบาะแสว่ามีโรงงานแห่งหนึ่งย่านอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี นำขยะอิเล็กทรอนิกส์มาเก็บไว้ พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง และ กระทรวงอุตสาหกรรม ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี จึงเข้าตรวจค้นพบจุดดังกล่าว โดยโรงงานมีเนื้อที่ประมาณ40ไร่เศษ มีชาวจีนเป็นเจ้าของ เมื่อมาถึงพบขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก และพบอุปกรณ์ เครื่องจักรต่างๆ ที่ใช้ในการคัดแยกอยู่ภายในโรงงานรวม 463.75 แรงม้า รวมถึงยังพบว่ามีแรงงานต่างด้าวเป็นลูกจ้างในการคัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวมาสอบปากคำและตรวจสอบว่าเข้ามาในประเทศไทยถูกกฎหมายหรือไม่
พลตำรวจเอกวิระชัย คาดว่า ขยะอิเล็กทรอนิส์เหล่านี้ถูกนำเข้ามาจากหลายประเทศ ซึ่งโรงงานนี้มีการสำแดงเท็จเป็นเศษพลาสติก แต่เมื่อมาตรวจกลับพบว่าเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเมื่อถูกความร้อนจากแสงแดดในอุณหภูมิประมาณ 37-40 องศาเซลเซียส จะมีสารเคมีอัตรายระเหยขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศ และเมื่อมีฝนตกก็จะชะล้างลงสู่แหล่งน้ำทำให้ประชาชนในละแวกนี้ได้รับผลกระทบ จากการตรวจสอบโรงงานแห่งนี้ เบื้องต้น ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน และใบอนุญาตครอบครองวัตถุอันตราย และหากตรวจสอบจากชื่อโรงงานพบว่า มีการระบุที่ตั้ง อยู่ที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
นอกจากนี้ยังพบว่ามีการเตรียมวัสดุอุปกรณ์เพื่อขยายพื้นที่ คาดว่าเพื่อรองรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่จะมีเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เพราะระยะหลังมานี้ประเทศจีนมีกฎหมายห้ามนำเข้าหรือจัดการทำลายขยะในประเทศ เนื่องจากทำลายสิ่งแวดล้อมและต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการฟื้นฟู
หลังจากเข้าตรวจค้นโรงงานขยะที่ผิดกฎหมาย ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ได้สั่งการให้ตรวจสอบเพิ่ม หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด เบื้องต้นกระทรวงอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี สั่งปิดโรงงานแห่งนี้ทันที ขณะที่ตำรวจเตรียมดำเนินคดีกับเจ้าของโรงงานในความผิดตามพ.ร.บ.โรงงาน ฐานประกอบกิจการโรงงานบดย่อยพลาสติกโดยไม่ได้รับอนุญาต , พ.ร.บ.วัตถุอันตรายและพ.ร.บ.แรงงานต่างด้าว
ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ ผู้สื่อข่าว