ทรัมป์ ย้ำกับผู้นำญี่ปุ่น พร้อมแล้วสำหรับการประชุมซัมมิท/จำคุกตลอดชีวิตชายขับรถพุ่งชนคนในสวีเดน

08 มิถุนายน 2561, 05:32น.


+++ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ร่วมแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวกรุงวอชิงตัน หลังต้อนรับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่เดินทางมาเยือนทำเนียบขาว โดยกล่าวว่า จดหมายที่เขาได้รับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจากนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือดูอบอุ่นมาก และหวังว่าการประชุมสุดยอดระหว่างเขากับผู้นำเกาหลีเหนือที่กำหนดจะมีขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ในวันอังคารที่ 12 มิ.ย.จะเป็นจุดเริ่มต้นของการกระชับความสัมพันธ์ หากทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี ก็กำลังพิจารณาที่จะเชิญนายคิม มาเยือนสหรัฐฯ โดยเริ่มต้นการเยือนที่ทำเนียบขาว



+++การเปิดทำเนียบขาวต้อนรับนายอาเบะ เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการประชุมในวันที่ 12 มิ.ย.นายทรัมป์ เปิดเผยว่า ทุกอย่างพร้อมแล้วสำหรับการประชุมที่จะเกิดขึ้น คิดว่าคงไม่ต้องเตรียมการอะไรมาก เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทัศนคติ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความตั้งใจทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จ จะมีการหารือกับนายคิม ในประเด็นเกาหลีเหนือและการค้า นายทรัมป์  ระบุว่า เกาหลีเหนือจำเป็นต้องละทิ้งโครงการอาวุธนิวเคลียร์ สหรัฐฯ ไม่สามารถปลดมาตรการคว่ำบาตรได้ มาตรการคว่ำบาตรคืออำนาจพิเศษ และอาจเพิ่มเติมให้หนักหน่วงขึ้น แต่เลือกที่จะไม่ทำแบบนั้นในตอนนี้ แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้

+++ด้านนายอาเบะ แสดงความหวังว่าการประชุมซัมมิตจะเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นและเป็นการเปลี่ยนผ่านในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ในส่วนญี่ปุ่นปรารถนาที่จะได้พูดคุยกับเกาหลีเหนือ เพื่อหาทางที่จะแก้ปัญหาเรื่องการลักพาตัวชาวญี่ปุ่นให้จบสิ้นไปโดยเร็ว ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐฯได้รับปากที่จะนำประเด็นอ่อนไหวเรื่องชาวญี่ปุ่นถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวไปในยุค 1970-1980 มาคุยกับนายคิม ด้วย



+++ในส่วนเกาหลีใต้ จะตั้งศูนย์ข่าวสำหรับนักข่าวเกาหลีใต้และนักข่าวต่างชาติในสิงคโปร์ในช่วงการประชุมด้วย ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าประธานาธิบดีมุน แจอินของเกาหลีใต้ อาจจะเดินทางไปสิงคโปร์ในช่วงที่มีการประชุมด้วย



+++ก่อนที่จะมีการประชุมซัมมิต ในวันนี้ นายทรัมป์ จะเดินทางไปเข้าร่วมประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ ที่ประเทศแคนาดา ด้วย มีรายงานว่า นายทรัมป์ น่าจะได้รับการต้อนรับที่เย็นชาจากแคนาดาและประเทศยุโรปตะวันตก หลังจากไม่พอใจกรณีที่สหรัฐฯถอนตัวจากข้อตกลงลดโลกร้อนและข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน รวมทั้งประกาศนโยบายใหม่ของสหรัฐฯในการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ยิ่งทำให้สหรัฐฯถูกโดดเดี่ยวมากขึ้น



+++นายทรัมป์ มีกำหนดพบเจรจาส่วนตัวกับผู้นำประเทศสมาชิก เช่น นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา และประธานาธิบดีเอมมานูแอล มาครงของฝรั่งเศส



+++ไปที่เมียนมา เอเอฟพี รายงานอ้างนายเดวิด คารักเลียโน ผู้จัดการฝ่ายนโยบายด้านเนื้อหาของเฟซบุ๊กว่าเฟซบุ๊กได้ขึ้นบัญชีดำกลุ่มมาบาธา กลุ่มชาวพุทธของเมียนมาที่มีแนวคิดสุดโต่ง รวมถึงพระสงฆ์ชื่อดังหลายรูปเช่นพระโมกขะและพระธุเสททะ หลังการโพสต์ข้อความในเชิงปลุกปั่นให้พลเมืองชาวเมียนมาเกลียดชังชาวมุสลิมโรฮิงญา เช่นเดียวกับพระวีระธู พระชื่อดังของเมียนมา ที่ถูกลบบัญชีเฟซบุ๊กเมื่อเดือนมกราคม หลังการโพสต์ข้อความในเชิงสร้างความเกลียดชังต่อชาวมุสลิม



+++ในปัจจุบันเฟซบุ๊ก อยู่ระหว่างการหาทางสกัดกั้นการเผยแพร่เนื้อหาในลักษณะมุ่งสร้างความเกลียดชัง โดยเฉพาะในเมียนมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก 18 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั้งหมด 50 ล้านคน ด้านคณะผู้สอบสวนของสหประชาชาติ ระบุว่า เฟซบุ๊กในเมียนมาถูกใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะการเผยแพร่ข้อความในเชิงเกลียดชังและการปลุกปั่นให้มีการทำร้ายชาวโรฮิงญา



+++ประธานาธิบดีอัชราฟ กานีของอัฟกานิสถาน แถลงผ่านคลิปวีดีโอว่า รัฐบาลจะหยุดยิงชั่วคราวกับกลุ่มตอลีบันระหว่างเทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิมในช่วงปลายเดือนนี้ รัฐบาล สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงทุกหน่วยของอัฟกานิสถานให้หยุดปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธในอัฟกานิสถาน ระหว่างวันที่ 12-21 มิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวมุสลิมเฉลิมฉลองการสิ้นสุดของเทศกาลถือศีลอดในเดือนรอมฏอนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม อีกทั้งเป็นโอกาสที่กลุ่มตอลีบัน จะได้ทบทวนว่าการใช้ความรุนแรงไม่มีวันชนะใจประชาชน มีแต่จะถูกประณามจากสาธารณชนในอัฟกานิสถาน ด้านกลุ่มตอลีบัน ยังไม่แสดงความเห็นในเรื่องนี้



+++ผู้พิพากษารักนาร์ ปาล์มควิสต์ ได้อ่านคำพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิตจำเลยคือนายรัคมัต อาคิลอฟ ชาวอุซเบควัย 40 ปี ในข้อหาฆาตกรรมอันเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย หลังก่อเหตุขับรถบรรทุกที่ขโมยมาแล้วพุ่งชนผู้คนในกรุงสตอกโฮล์ม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 เม.ย.2560 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ศพ บาดเจ็บอีก 11 คน ศาลยังสั่งให้เนรเทศจำเลยออกนอกประเทศ หลังรับโทษจำคุกแล้วและยังสั่งห้ามเดินทางกลับเข้ามาในสวีเดน ด้วย คนร้าย ยอมรับว่าก่อเหตุเพื่อลงโทษสวีเดนฐานไปเข้าร่วมกับกองกำลังพันธมิตรทำสงครามปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายไอเอส



+++จากเหตุการณ์ไฟไหม้อาคารเกรนเฟลล์ เทาวเวอร์ สูง 24 ชั้น ในอังกฤษ เมื่อ 14 มิ.ย. 2560 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 71 ศพ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานอ้างนายแมตต์ บอนเนอร์ ผู้กำกับการฝ่ายสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาลกรุงลอนดอน อังกฤษในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสอนผู้รับผิดชอบในคดีนี้ว่า ตำรวจจะสอบสวนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานดับเพลิงกรุงลอนดอนกรณีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมีคำสั่งให้ผู้พักอาศัยในอาคาร รอรับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ในขณะที่เกิดเหตุไฟไหม้ เนื่องจาก มองว่า คำสั่งดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายละเมิดกฏหมายว่าด้วยสาธารณสุขและความปลอดภัยหรือไม่ พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่า อาคารแห่งนี้ มีการต่อเติมโดยใช้วัสดุหุ้มอาคารที่สามารถติดไฟอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่มีประสบการณ์และไม่เคยฝึกซ้อมการดับไฟที่ลุกไหม้จากวัสดุดังกล่าวมาก่อน



 



CR:BBC,AFP



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X