หลังการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ในวาระแรก รับหลักการ เสร็จสิ้นลง ที่ประชุมได้ลงมติรับหลักการด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 197 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี และงดออกเสียง 3 เสียง พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจำนวน 50 คน กำหนดเวลาแปรญัตติ 15 วัน ระยะเวลาดำเนินงาน 90 วัน นัดประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯนัดแรกในวันพรุ่งนี้เวลา 09.00น.
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณสมาชิกสนช.และขอให้พิจารณาต่อในวาระ 2 และ 3 อย่างรอบคอบ ยืนยันว่า การดำเนินงานทุกอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และทุกภาคก็ได้รับงบประมาณที่ใกล้เคียงกัน โดยตัวงบประมาณนั้นผูกพันกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และตัวแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนี้ก็จะมีผลผูกพันกับทุกรัฐบาลในอนาคต ขณะนี้รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย, กระจายรายได้, ลดความเหลื่อมล้ำ ส่วนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆทั้งหมดต้องอยู่ในแผนแม่บทใหญ่และต้องมีการติดตามการทำงาน
ด้านตัวแทนคณะรัฐมนตรี(ครม.) ก็ได้อภิปรายร่างพระราชบัญญัติพร้อมตอบข้อซักถามสมาชิกสนช. โดยนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มกลับมาสดใสขึ้นในหลายด้าน ทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการส่งออก ที่ขยายตัวดีขึ้น และเมื่อเทียบภาวะเศรษฐกิจในช่วงปีนี้กับช่วงปี 2557 ก่อนการเข้ามาของรัฐบาล พบว่า ตัวเลขเศรษฐกิจหลายด้านขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานรากที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากรัฐบาล แต่ก็ยอมรับว่ายังมีปัญหาที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในอัตราสูง และหนี้นอกระบบ ซึ่งรัฐบาลก็เข้ามาดูแลให้ความช่วยเหลือครบวงจร ทั้งการไกล่เกลี่ย, การช่วยหาอาชีพเสริม และการจัดการทุกอย่างเข้าสู่ระบบ
นายกอบศักดิ์ ภู่ตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สาเหตุที่งบประมาณของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ในปีนี้ลดลงจากปีที่แล้วกว่า 1,235 ล้านบาท เป็นเพราะภารกิจบางอย่างของสสว.ในปีนี้ไม่ได้มีเหมือนปีที่แล้ว งบประมาณจึงถูกตัดทอนลงไป ยืนยันว่ารัฐบาลยังสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี โดยขณะนี้เอสเอ็มอีเป็นวิสาหกิจสำคัญของประเทศ เพราะก่อให้เกิดการจ้างงานกว่าร้อยละ 80 ของการจ้างงานทั่วประเทศทั้งหมด
ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร