องคมนตรี ลงพื้นที่จ.พะเยา ติดตามความก้าวหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ฯ

06 มิถุนายน 2561, 17:34น.


วันที่ 6 มิถุนายน 2561 นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปติดตามความก้าวหน้าของการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.เชียงม่วน จ.พะเยา 





สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2520 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดำริในการดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำปี้เพื่อส่งน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกทั้งสองฝั่งแม่น้ำปี้ จรดแม่น้ำยม ในเขตอำเภอเชียงม่วน และส่งให้กับการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในเขตโครงการชลประทานแม่ยม 





ลุ่มน้ำปี้เป็นลุ่มน้ำสาขาของลุ่มน้ำยมมีปริมาณน้ำท่าเฉลี่ย 127 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี แต่มีแหล่งเก็บกักน้ำในลุ่มน้ำปี้เพียง 10 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี เนื่องจาก มีอ่างเก็บกักน้ำที่มีขนาดเล็กไม่สามารถเก็บกักน้ำได้ปริมาณมาก ในช่วงฤดูแล้งจึงเกิดการขาดแคลนน้ำเป็นประจำทุกปี และในช่วงฤดูฝนก็จะมีปริมาณน้ำมากไม่สามารถเก็บกักน้ำได้จึงเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ท้ายน้ำ กรมชลประทานจึงได้ดำเนินการสนองพระราชดำริโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างหัวงานและอาคารประกอบ





ลักษณะของโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ฯ เป็นเขื่อนคอนกรีตบดอัดแน่น (RCC : Roller Compacted Concrete) ความกว้างสันเขื่อน 8.00 เมตร ความยาว 810.00 เมตร ความสูง 54.00 เมตร มีระบบท่อส่งน้ำความยาว 75 กิโลเมตร มีขนาดความจุเก็บกักน้ำ 90.50 ล้านลูกบาศก์เมตร และเมื่อโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริแล้วเสร็จ ก็สามารถส่งน้ำให้กับพื้นที่ชลประทานเดิมได้ถึง 3,000 ไร่ เพิ่มพื้นที่เพาะปลูก 25,000 ไร่ รวมถึงเพื่อการอุปโภคบริโภค ปศุสัตว์ และอุตสาหกรรม ครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลเชียงม่วน ตำบลบ้านมาง และตำบลสระ อ.เชียงม่วน จ.พะเยา จำนวน 34 หมู่บ้าน 7,520 ครัวเรือน และในช่วงฤดูแล้งสามารถส่งน้ำผ่านลำน้ำปี้ลงสู่แม่น้ำยมให้กับโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่ยม (ฝายแม่ยม) จังหวัดแพร่ จำนวน 35,000 ไร่





นอกจากนี้ ยังสร้างประโยชน์ในการรักษาระบบนิเวศน์เกิดแหล่งประมงในการเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดเพื่อการอุปโภคบริโภค รวมถึงเกิดแหล่งพักผ่อนหย่อนใจส่งเสริมการท่องเที่ยวซึ่งจะทำให้ราษฎรมีรายได้เสริมจากการประกอบอาชีพประมงและการท่องเที่ยวในอนาคต ต่อไป





 



CR: กองประชาสัมพันธ์  สำนักงาน กปร.



 



 

ข่าวทั้งหมด

X