ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่มิชอบกรณีเห็นชอบให้กระทรวงการคลัง เข้าเป็นผู้บริหารแผนคนใหม่ของบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีคัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่นอกเหนืออำนาจของกระทรวงการคลัง ที่ไม่มีอำนาจเข้าไปบริหารบริษัทเอกชน เป็นความผิดตามมาตรา 10 ของ พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม 2546
คดีนี้ ป.ป.ช.ชี้มูล เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2553 และยื่นฟ้องในวันที่ 7 พฤษภาคม ปีนี้ รวมเวลาเกือบ 8 ปี ก่อนที่คดีจะเข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง องค์คณะทั้ง 9 คน ได้เลือกผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน และมีการประทับรับฟ้องแล้ว แม้ว่าจะไม่มีตัวจำเลยมาศาลก็ตาม เนื่องจากจำเลยถูกหมายจับในคดีอื่นอยู่หลายคดี อีกทั้ง พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มาตรา 27 ให้ศาลรับฟ้องโดยไม่ต้องมีตัวจำเลยได้ โดยนัดพิจารณาคดีนัดแรก วันที่ 22 มิถุนายน นี้ เวลา 8.30 น. และมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องให้จำเลยตามที่อยู่ในคำร้อง รวมทั้งให้การติดหมายมีผลทันที โดยไม่ต้องรอเวลา 15 วัน เพราะจำเลยมีพฤติการณ์หลบหนี ทั้งนี้ หากจำเลยไม่มาปรากฏตัวในวันพิจารณาคดีนัดแรก ศาลจะออกหมายจับ และรอเวลา 3 เดือน หากยังไม่สามารถนำตัวจำเลยมาได้ ก็จะดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีลับหลังต่อไป
ส่วนองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ประกอบด้วย นางอุบลรัตน์ ลุยวิกกัย รองประธานศาลฎีกา นายไสลเกษ วัฒนพันธ์ รองประธานศาลฏีกา นายวิชัย เอื้ออังคณากุล รองประธานศาลฏีกา นายธนสิทธิ์ นิลกำแหง รองประธานศาลฏีกา นายพรเทพ อัมพรกลิ่นแก้ว รองประธานศาลฏีกา นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา นายพิศล พิรุณ ประธานแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา นายสุนทร ทรงฤกษ์ ประธานแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกา และนายชัยยุทธ ศรีจำนงค์ ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา
แฟ้มภาพ