ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้:พระธาตุสามหุนถล่มไม่เกี่ยวกับความเชื่อ/ผบ.ตร.ยังรอรับอดีตพรหมเมธีกลับไทย/คนไทยยังฟุ่มเฟื่อย

06 มิถุนายน 2561, 07:18น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.



+++เหตุการณ์พระธาตุสามหุน อายุ กว่าร้อยปี ภายในวัดป่ากุดหว้า ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ที่พังถล่มระหว่างก่อสร้างต่อเติม ทำให้คนงานเสียชีวิต 1 บาดเจ็บอีก 4 คน นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบอย่างละเอียดของเจ้าหน้าที่พบว่าเป็นการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะเสาที่ใช้ค้ำยันรับน้ำหนักนั้นมีขนาดเล็กไม่เหมาะสมกับโครงสร้าง ผนังปูนรอบข้างมีการเสริมเหล็กและเชื่อมต่อเหล็กที่บริเวณจุดต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม ทำให้เสาที่ใช้รับน้ำหนักไม่สามารถรับน้ำหนักส่วนบนที่เป็นหลังคาได้ อีกทั้งน้ำหนักอาคารทั้งหมดไปอยู่ที่เสาตรงกลางต้นเดียว จึงทำให้เสาเกิดการแตกหัก ผนังปูและโครงสร้างอาคารพังถล่มลงมาทับพระธาตุ 



+++ผวจ.กาฬสินธุ์กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรื้อถอนตัวอาคารที่พังถล่มให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ส่วนองค์พระธาตุสามหุนที่พังและชำรุดก็จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซ่อมแซมบูรณะต่อไป



+++ส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง 4 ราย ซึ่งส่วนใหญ่กระดูกแขน ขาหัก ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์



+++หลัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.สตม. นำคณะบินด่วน ข้ามทวีปไปนครแฟรงก์เฟิร์ต สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี หลังรับแจ้งว่า นายจำนงค์ เอี่ยมอินทรา หรืออดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม 1 ในผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัด หลบหนีออกประเทศทางชายแดนลาว บินข้ามประเทศไปขอลี้ภัยอยู่ที่นั่น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทางการเยอรมนี ในส่วนของการติดตามตัวนายจำนงค์ หรืออดีตพระพรหมเมธี



+++ขณะนี้ ผบ.ตร. ที่เดินทางไปประเทศเยอรมนียังไม่มีโอกาสได้พบอดีตพระพรหมเมธีที่ถูกกักตัวไว้ในการควบคุมของทางการเยอรมนี เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ได้รับรายงานมีการจับกุมอดีตพระพรหมเมธี ที่สนามบินนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ได้ให้ ผบช.สตม. ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศประสานทางการเยอรมนี เพื่อขอรับตัวมาดำเนินคดีในไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงาน รายละเอียดยังเปิดเผยไม่ได้ในชั้นนี้ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน



++++มีรายงานว่า หลังตำรวจรู้ว่าอดีตพระพรหมเมธีถูกกักตัวที่สนามบินนครแฟรงก์เฟิร์ต พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.สตม. ได้ประสานเรื่องหมายแดงของอดีตพระพรหมเมธี ขอให้ทางการเยอรมนีควบคุมตัวไว้ และอดีตพระพรหมเมธีได้เตรียมเอกสารยื่นขอเป็นผู้ลี้ภัยกับสำนักงานดูแลผู้อพยพและผู้ลี้ภัยแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ซึ่งรับผิดชอบในส่วนของผู้ขอลี้ภัยในประเทศเยอรมนี โดยมีกงสุลใหญ่ประเทศไทยประจำนครแฟรงก์เฟิร์ต เป็นตัวแทนทางการไทย เข้าพบกระทรวงยุติธรรมของประเทศเยอรมนี เพื่อประสานงานกับสำนักงานดูแลผู้อพยพและผู้ลี้ภัยแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ล่าสุดมีแนวโน้มจะนำเรื่องขอลี้ภัยของอดีตพระพรหมเมธีเข้าสู่การพิจารณาตามขั้นตอนกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนของประเทศเยอรมนี ก่อนพิจารณาตามคำขอของทางการไทย จะทำให้ขั้นตอนประสานรับตัวอดีตพระพรหมเมธีต้องขยายเวลาไปอีกระยะหนึ่ง โดยตำรวจไทยได้เตรียมเอกสารชี้แจงให้เข้าใจในเรื่องการดำเนินคดีอดีตพระพรหมเมธี ผู้ต้องหาสำคัญในคดี “เงินทอนวัด” ไม่ได้เข้าข่ายเป็นผู้ขอลี้ภัยทางการเมือง



++++ส่วนเวลาเดินทางกลับของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีการกำหนดตั๋วเดินทางกลับไทยไว้ในวันที่ 6 มิ.ย. กลับถึงประเทศไทยเวลา 12.00 น. โดยสายการบินไทย เที่ยวบินทีจี 923 และวันที่ 7 มิ.ย. สายการบินไทย เที่ยวบินทีจี 911 กลับถึงไทยเวลา 06.00 น. เป็นการจองตั๋วแบบออนไลน์ ไม่ได้กำหนดวัน เวลากลับที่ชัดเจน



+++ส่วนที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เผยว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เตรียมนำตัวนายสุวิทย์ บุญประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์อีกรอบ เนื่องจากอุจจาระยังเป็นสีดำ ให้แพทย์วินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง หรือเกิดจากมีแผลในกระเพาะอาหาร ส่วนอาการอื่นๆโดยรวมตอนนี้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เช่นเดียวกับอดีตพระผู้ใหญ่อีก 7 รูปในคดีเงินทอนวัด เริ่มปรับตัวได้ยังไม่มีอาการป่วยที่น่าเป็นห่วง



+++การตรวจสอบข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือของกรมศุลกากรถึงการนำเข้ากลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย 8 รายการช่วง 4 เดือนแรกปี 2561 พบมีการนำเข้ามูลค่ารวม 197,332.19 ล้านบาท ขยายตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่นำเข้า 197,805.55 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ0.2  



+++นายชัยชาญ  เจริญสุข เลขาธิการ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) กล่าวว่า การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยของไทยที่ยังมีมูลค่า และอัตราการขยายตัวสูง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่นๆ สินค้าสบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอาง (รวมน้ำหอม) และสินค้า นากาและส่วนประกอบ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมีการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์จากเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ชื่อดังจากทั่วโลก ผลพวงจากเงินบาทที่แข็ง ค่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเอื้อต่อการนำเข้าสินค้าในราคาที่ถูกลง และผลจากการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายในร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ ฟรี) เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ขยายตัว



+++ด้านนางเกศมณี  เลิศกิจจา นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย กล่าวว่า การนำเข้าเครื่องสำอางจากต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งสินค้าจากจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ที่มีความตกลงเอฟทีเอกับไทย ซึ่งภาษีนำเข้าได้ลดเป็น 0% แล้ว  และอีกส่วนหนึ่งจากผู้ประกอบการไทยไปจ้างโรงงานในเกาหลีใต้ และไต้หวันผลิตสินค้า และส่งเข้ามาจำหน่ายในไทย จากกฎระเบียบการนำเข้าไม่ยุ่งยากเหมือนสินค้าที่ผลิตในประเทศ และบรรจุภัณฑ์สวยงามกว่า ส่วนเครื่องสำอางไทยมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับ ปีที่ผ่านมาส่งออกประมาณ 1.3 แสนล้านบาท โดยสัดส่วน ร้อยละ 42-43 ส่งไปตลาดอาเซียน ซึ่ง ยอดก็เพิ่มขึ้นทุกปี เราไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลจะลดภาษีเครื่องสำอางลงเป็นร้อยละ0ฃ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว เพราะจะกระทบผู้ประกอบการภายใน



+++ นายโอสถ สุวรรณ์เศวต ประธานสมาพันธ์สมาคมลูกจ้างรัฐแห่งประเทศไทย (สสลท.) กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดถึงการแก้ปัญหาลูกจ้างของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในระบบเลย โดยพูดแต่ว่าขณะนี้ไม่มีตัวเลข ไม่มีฐานข้อมูลของลูกจ้างในกระทรวง ทั้งลูกจ้างชั่วคราว ลูกจ้างเหมาทำของ ลูกจ้างรายวัน รายชั่วโมง เป็นเรื่องที่น่าน้อยใจมาก และอยากให้ นพ.ปิยะสกล สกล สัตยาทร รัฐมนตรีว่าการ สธ. ลงมาดูเรื่องนี้เอง เพราะเคยรับปากจะช่วยเหลือ สมาพันธ์ฯก็เชื่อ แต่ขณะนี้ยังไม่ตั้งคณะทำงานเลย จึงรู้สึกท้อและผิดหวังมาก



+++ด้าน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองปลัด สธ. กล่าวว่า ในการประชุมร่วมก็พูดถึงการจะดำเนินการอย่างไร เพียงแต่ที่มีเรื่องของพนักงานกระทรวงออกมาก่อน เนื่องจากมีข้อมูลอยู่ในระบบ กล่าวคือเป็นลูกจ้างที่ขึ้นเป็นพนักงานกระทรวง 1,500 คน กลุ่มนี้อยู่ในกลุ่มใหญ่ที่ขึ้นเป็น พกส. แต่ยังไม่ได้ถูกปรับขึ้นเงินตามอัตราที่ สธ.กำหนดตามกระทรวงการคลัง ซึ่งเดิมมีเป็นหมื่นๆ คนก็ปรับเพิ่ม ขณะนี้เหลือ 1,500 คน เดิมเราปรับขึ้นตามวุฒิให้แล้วเสร็จภายในปี 2562 แต่เมื่อจำนวนเหลือกว่าพันคน จึงให้ดำเนินการแล้วเสร็จไปเลย



+++การถ่ายโอนภารกิจ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ รองปลัด สธ. กล่าวว่า จากการประชุมที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯเป็นประธาน มีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.ให้กับ อปท. ต่อภายใต้มาตรการเดิม แต่ร่นระยะเวลาให้สั้นลง แต่มีเสียงแตก อปท.บางแห่งอยากรับ บางแห่งไม่อยากรับ ส่วน รพ.สต.เอง บางแห่งอยากไป บางแห่งก็ไม่อยากไป ดังนั้นเรื่องนี้ต้องมีการศึกษาให้ดี จึงมอบสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ไปศึกษาและทบทวนการทำงานว่าควรมีอะไรบ้าง ผลที่จะเกิดกับประชาชน ผลกระทบกับ รพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไป เมื่อถ่ายโอนไปแล้วผลดีคืออะไร ผลเสียคืออะไร

ข่าวทั้งหมด

X