นักวิเคราะห์ชี้ ผู้นำสหรัฐฯคือเป้าหมายสำคัญที่สุดของผู้นำเกาหลีเหนือทุกรุ่น

ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างนางยีน เอช.ลี ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเกาหลีเหนือจากสถาบันวิลสันของสหรัฐฯ และนายจิม โฮเร อดีตอุปทูตอังกฤษประจำเกาหลีเหนือว่าการประชุมสุดยอดระหว่างนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในสิงคโปร์ในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ นับว่าเป็นความใฝ่ฝันมาตลอดของคนในตระกูลของผู้นำเกาหลีเหนือตั้งแต่สมัยคุณปู่ของผู้นำคนปัจจุบันคือ นายคิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศและคุณพ่อคือนายคิม จองอิล ผู้นำรุ่นที่สอง ที่พลาดโอกาสนี้มาตลอดคือ การพบปะกับประธานาธิบดีสหรัฐฯขณะอยู่ในตำแหน่ง ระบุว่านายคิม จองอึน จะทำให้ความใฝ่ฝันของบรรพบุรุษของผู้นำเกาหลีเหนือเป็นความจริงขึ้นมา

ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า วินาทีที่นายทรัมป์เดินเข้าห้องประชุมพร้อมกับนายคิม จองอึน คือชัยชนะทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้นำเกาหลีเหนือเนื่องจากในทางเทคนิคการสงคราม ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเกาหลีเหนือ ประเทศเล็กๆประเทศหนึ่ง ยังคงทำศึกสงครามกับคู่อริคือเกาหลีใต้และพันธมิตรคือสหรัฐฯมาโดยตลอด การทำข้อตกลงสันติภาพใดๆกับเกาหลีใต้ย่อมจะไม่สำเร็จ ถ้าหากไม่ได้รับการยินยอมจากสหรัฐฯด้วย ดังนั้นการเชิญผู้นำสหรัฐฯมานั่งโต๊ะเจรจากันในครั้งนี้จึงถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของเกาหลีเหนือ ที่สำคัญคือเป็นการนำพาประเทศไปสู่การยอมรับนับถือในเวทีโลก สำหรับผลดีอื่นๆ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าสหรัฐฯอาจจะให้คำมั่นว่าจะให้การคุ้มครองรัฐบาลปัจจุบันของเกาหลีเหนือ แลกกับการยอมล้มเลิกโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และอาจจะนำไปสู่การระงับมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือชั่วคราว

ก่อนหน้านี้อดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ของสหรัฐฯเคยพบปะกับนายคิม อิลซุง ในปี 2537 ต่อมาในยุคคุณพ่อคือนายคิม จองอิล ผู้นำรุ่นที่สอง เกือบมีโอกาสเจอกับผู้นำสหรัฐฯขณะอยู่ในตำแหน่งคือ ประธานาธิบดีบิลล์ คลินตันในปี 2543 แต่ก็ไม่ได้เจอกันเนื่องจากช่วงนั้นนายคลินตันมองนายคิม จองอิลว่า ไว้ใจไม่ได้ ต่อมา นายคลินตันได้พบนายคิม จองอิล หลังพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคือในปี 2552