สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ได้ใช้สิทธิยับยั้ง หรือ วีโต้ ร่างข้อมติของสหประชาชาติ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มประเทศอาหรับ ในการดำเนินมาตรการปกป้องชาวปาเลสไตน์ นางนิกกี เฮลีย์ ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ประกาศว่า ร่างข้อมติดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดเจนว่า สหประชาชาติ มีอคติต่ออิสราเอล แต่ไม่เต็มใจที่จะตำหนิกลุ่มฮามาส ซึ่งปกครองฉนวนกาซา พื้นที่เกิดเหตุรุนแรง
ขณะที่ นายแมนเซาวร์ อัล-โอเทบี ทูตคูเวต กล่าวว่า การใช้สิทธิวีโต้ของสหรัฐฯ จะยิ่งทำให้ชาวปาเลสไตน์รู้สึกสิ้นหวังและปลุกความเกลียดชัง และความรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้ ข้อมติ ซึ่งร่างโดยคูเวต เรียกร้องการดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อเป็นหลักประกันความคุ้มครองความปลอดภัยพลเรือนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาและเขตเวสต์แบงก์ แต่นางเฮลีย์กล่าวต่อที่ประชุม UNSC ว่า การออกมาตรการต่างๆ ไม่ถือว่าถูกต้อง ทั้งยังเรียกร้องให้กลุ่มฮามาส ซึ่งสหรัฐฯ ถือว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย รับผิดชอบสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่เลวร้ายในฉนวนกาซาด้วย
อย่างไรก็ดี ในการลงมติครั้งที่ 2 สหรัฐฯ ก็ประสบความล้มเหลวที่จะได้รับเสียงสนับสนุนการออกมาตรการเรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธชาวปาเลสไตน์ยุติการประท้วงในฉนวนกาซาและกลุ่มฮามาส โดยมี 11 ประเทศที่ใช้สิทธิงดออกเสียง รัสเซียและอีก 2 ประเทศคัดค้าน ขณะที่ ร่างข้อมติดังกล่าวต้องได้รับเสียงสนับสนุนถึง 9 เสียง จากทั้งหมด 15 เสียงใน UNSC และต้องไม่มีประเทศสมาชิกถาวร UNSC ประเทศใดใช้สิทธิวีโต้ ซึ่งความล้มเหลวในการลงมติครั้งนี้ยิ่งทำให้สหประชาชาติอยู่ในภาวะไม่สามารถทำอะไรได้กับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา ซึ่งทูตสหประชาชาติเตือนว่า ใกล้เข้าสู่ภาวะสงคราม
ทีมต่างประเทศ
CR:www.arabnews.com.