ข่าวเที่ยงครึ่งวัน:นายกฯปัดตอบกกต.มีมติรมต.ตปท.ขาดคุณสมบัติ/เรืองไกรติดใจทำไม ดอนโดนคนเดียว/เงินเฟ้อสูงสุดในรอบ16เดือน

ข่าวเที่ยงครึ่งวัน 12.30

+++หลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเห็นว่านายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ขาดคุณสมบัติจากการเป็นรัฐมนตรี โดย พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถาม แต่ได้โบกมือให้สื่อมวลชน เมื่อถามย้ำว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบแต่ยกนิ้วโป้งให้ผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า 

+++ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเช่นกัน พร้อมกับได้โบกมือทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยู ให้กับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  มีรายงานว่า ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดคุยกับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ โดยนายวิษณุ ได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้ พล.อ.ประยุทธ์ รับทราบด้วย

+++ด้านแหล่งข่าวจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีนี้ว่าคสช.ไม่อาจก้าวล่วงอำนาจของศาลได้ รวมถึงทุกอย่างที่ต้องรอความชัดเจนก่อน  ส่วนจะกระทบการบริหารงานราชการของรัฐบาลหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ในฐานะผู้นำรัฐบาลเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจ สำหรับการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) จะมีขึ้นหรือไม่ คิดว่าตอนนี้คงเร็วเกินไปที่จะพูดถึง และเป็นเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะต้องตัดสินใจ

+++ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะต้องขอดูรายงานของกกต.ก่อนเพราะเห็นว่าอาจปล่อยกรณีหุ้นสัมปทานหลุดไป เพราะหากพิจารณาในเรื่องหุ้นสัมปทานด้วยจะทำให้รัฐมนตรี 10 กว่าคน รวมถึงสนช.อาจหลุดพ้นจากตำแหน่ง  ทำให้สงสัยว่าการตรวจข้อมูลมา 11 เดือนทำไมหวยถึงออกนายดอนคนเดียว

+++พ.ต.อ ณรัชต์ เศวตนันทน์  อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุอดีตพระราชอุปเสณาภรณ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ที่ถูกนำตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร รายล่าสุดเมื่อวานนี้(31พ.ค.) คืนแรกได้ถูกควบคุมในแดนแรกรับ หรือแดน 1 ก่อน เพื่อให้ผู้ต้องขังเข้าใหม่มีโอกาสปรับตัวและเรียนรู้ระเบียบข้อบังคับของเรือนจำ ซึ่งตลอดคืนไม่มีปัญหาอะไรอาจมีอาการตกใจและวิตกกังวลบ้างซึ่งได้ให้ผู้บัญชาการเรือนจำและพัสดีเวรเข้าไปทำความเข้าใจและพูดคุยเพื่อให้คลายความกังวลแล้ว

+++น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผอ.สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผย อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน พ.ค. ของปีนี้ขยายตัวร้อยละ1.49 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือน 11 และสูงสุดในรอบ 16 เดือน จากการสูงขึ้นของหมวดพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นมา ร้อยละ7.68 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีการปรับลดการผลิตของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน จึงทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศปรับสูง แต่การสูงขึ้นของอัตราเงินเฟ้อของไทย ถือว่าใกล้เคียงและอยู่ในระดับเดียวกับประเทศในภูมิภาค

หมวดอาหารสดปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.24 จากราคาผักสดที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 6เพราะสภาพอากาศแปรปรวน ทำให้ภาพรวมอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เฉลี่ยในช่วง  5 เดือนของปีนี้สูงขึ้น ร้อยละ 0.89 จากการตรวจสอบโดยกรมการค้าภายใน ยังไม่พบสัญญาณการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา ตามราคาน้ำมัน และเชื่อว่าอาจแนวโน้มพลังงานราคาจะยังคงทรงตัวไม่สูงไปกว่านี้ประกอบกับรัฐบาลมีมาตรการในการดูแลเสถียรภาพของราคา ทำให้คาดว่าเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสที่ 2 น่าจะอู่ที่ร้อยละ 2.5 และคาดว่าทั้งปีอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในกรอบที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 0.7 - 1.7 ตามเดิม และจะขอรอดูสถานการณ์จบไตรมาสที่ 2 ก่อนว่าจะมีการปรับหรือทบทวนเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ใหม่หรือไม่

++++หลังสหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากสหภาพยุโรป หรืออียู แคนาดา และเม็กซิโก ทำให้เกิดเสียงประณามจากผู้ที่ถูกขึ้นภาษี พร้อมตอบโต้ด้วยการประกาศใช้อัตราภาษีใหม่ต่อสหรัฐฯ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ฝรั่งเศสที่ถูกระบุว่ามีความใกล้ชิดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯมากที่สุด โทรศัพท์ถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ และกล่าวว่า การกระทำของสหรัฐฯนั้นผิดกฎหมาย การที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนับเป็นการสร้างความตึงเครียดให้กับข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือนาฟตา และข้อตกลงการค้าเสรียุโรป และอัตราภาษีใหม่คือเหล็กร้อยละ 25 กับอะลูมิเนียมร้อยละ10 จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ และยุโรปจะตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าหลายรายการตั้งแต่รถจักรยานยนต์ฮาร์เลย์-เดวิดสัน ไปจนถึงสุรา

+++นายฌอง-คล้อด ยุงเคอร์ ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป กล่าวว่าเป็นวันที่เลวร้ายสำหรับการค้าโลก อียูจึงยื่นเรื่องร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก หรือดับเบิ้ลยูทีโอ และใช้มาตรการทางภาษีส่วน รัฐบาลสหราชอาณาจักร ระบุว่าระบุผิดหวังต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ เพราะสหราชอาณาจักรและอียู ต่างเป็นมิตรประเทศที่มีความใกล้ชิดของสหรัฐฯ มาโดยตลอด