รองผบช.ท่องเที่ยวฯตามจับชาวกัมพูชา ทำเว๊ปไซด์ข่าวปลอมใส่ร้ายนายกฯไทย ฝากขังศาลอาญาวันนี้

01 มิถุนายน 2561, 09:03น.


ตำรวจคุมตัวนายรัตนะ เฮง สัญชาติกัมพูชา ผู้ต้องหมายจับศาลอาญาที่ 1154 / 2561 ลงวันที่ 30 พ.ค. 2561 ในความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน เดินทางจากประเทศกัมพูชามายังประเทศไทย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ตำรวจท่องเที่ยว หรือ ทท. พร้อมคณะได้เดินทางไปที่กองบัญชาการรักษาความสงบภายในกัมพูชา เข้าพบ พล.อ.เซาเซาะคา ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือน ประเทศกัมพูชา เพื่อหารือแนวทางการสืบสวนในการประสานความร่วมมือในการติดตามจับกุมตัว นายรัตนะ สัญชาติกัมพูชา หลังสืบจากหนังสือเดินทางพบว่า นายรัตนะ เป็นผู้ทำเว็บไซต์ข่าวปลอมชื่อ Ratstas.com พาดหัวข่าวว่า "บิ๊กตู่ ฟิวขาด ด่ากราด ไล่ให้เติม น้ำเปล่า แทนดีเซล อย่าโง่ วอนประชาชนอย่าเรื่องมาก" อันเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโจมตีรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา โดยใช้ประเทศกัมพูชาเป็นฐานที่มั่นกบดาน และสามารถจับกุมตัวนายรัตนะ เฮง ได้ที่ห้างซาเตียนเมียนเจย ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ขณะเดินซื้อสินค้าภายในห้างดังกล่าว



จึงคุมตัวนายรัตนะ มาทำการสอบสวน ซึ่งนายรัตนะ ให้การแบ่งรับแบ่งสู้ โดยอ้างว่าเว็บไซต์ดังกล่าวจดในนามของตนจริง ซึ่งการเปิดสมัครเว็บไซต์ที่ประเทศกัมพูชาจำเป็นต้องมีการยืนยันตัวบุคคลด้วยเลขหน้าบัตรเครดิต แต่เพื่อนที่ชื่อหลุยส์ เป็นผู้ขอให้เปิดเว็บไซต์ดังกล่าวให้ อีกทั้งยังอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบ และกล่าวขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ที่สร้างความเสียหายให้กับทางรัฐบาล





พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เว็บไซต์ดังกล่าว จดทะเบียนโดยนายรัตนะ เฮง ชาวกัมพูชา และมีการสร้างข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยรอบปีนี้มีการนำข้อมูลอันเป็นเท็จถึง 3 ครั้ง มีการบิดเบือนข้อมูลการสัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี 1 ครั้ง บิดเบือนด้านนโยบายรัฐบาล 1 ครั้ง และโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดนครราชสีมาอีก 1 ครั้ง  เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 14 และ 17 ของพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับเป็นเงิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อหาตามมาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกทางการเมืองในประเทศไทย ก่อนคุมตัวไปสอบสวนขยายผลว่ามีผู้ใดอยู่เบื้องหลังในการจ้างวานเพื่อบิดเบือนข่าวสารหรือไม่ เพื่อดำเนินคดี ก่อนนำตัวฝากขังที่ศาลอาญาในวันนี้ต่อไป

ข่าวทั้งหมด

X