การลงพื้นที่เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จ.สกลนคร ของนาย จรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(สำนักงานกปร.) ในบ่ายวันนี้เป็นการลงพื้นที่ ประตูระบายน้ำสุรัสวดี ต.นาตงวัฒนา อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร
นายจรัลธาดา รับฟังการสรุปการบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำหนองหารที่ไหลผ่านประตูระบายน้ำสุรัสวดี โดยนาย นิพนธ์ มังกรแก้ว ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสกลนคร จากนั้นได้ร่วมปล่อยพันธุ์ปลาลงบริเวณประตูระบายน้ำสุรัสวดีที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา ก่อนกล่าวกับประชาชนในพื้นที่ว่า ทรัพยากรปลาเป็นของส่วนรวม ขอให้ใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องและสุจริต อย่าทำผิดกฎหมายหรือจับปลาด้วยวิธีการที่ผิด เช่น การช็อตปลา พร้อมเตือนประชาชนในพื้นที่ว่าขอให้ระมัดระวังการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะการบริโภคปลาร้าและของดิบที่ทราบมาว่าเป็นที่นิยมในพื้นที่นี้ ถ้าจะบริโภคแนะนำว่าควรทำให้สุกก่อน เพราะไม่เช่นนั้นแล้วอาจเป็นพยาธิและเกิดผลเสียต่อสุขภาพได้
ด้านนาย นิพนธ์ กล่าวว่า การเพาะปลูกของประชาชนในพื้นที่มีการปลูกข้าวรวมประมาณ 2,597 ไร่ ทำพืชผักอีก 7,000 กว่าไร่ โดยในส่วนของประตูสุรัสวดีจะใช้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา กรมชลประทานมีการแจ้งที่ปรึกษามาวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำหนองหารด้วยวงเงิน 25 ล้านบาท โดยจะนำข้อมูลที่ได้มาพัฒนาหนองหารต่อในด้านต่างๆ ส่วนขณะนี้ยังมีแผนพัฒนาหนองหารอีก 2 แผนหลัก แผนแรกคือ การขุดลอกหนองหารด้วยวงเงิน 145 ล้านบาท เมื่อขุดลอกเสร็จจะสามารถกักเก็บน้ำเพิ่มได้ 1,500,000 ลูกบาศก์เมตร แผนที่สอง คือ การสร้างประตูกั้นน้ำที่ไหลจากน้ำพุงมาหนองหาร เพื่อไม่ให้น้ำเข้าสู่หนองหารและไหลเข้าลุ่มน้ำก่ำแทน เพื่อป้องกันอุทกภัย ใช้วงเงินรวม 2,100 ล้านบาท โดยแผนนี้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)แล้ว รองบประมาณอย่างเดียว คาดว่าอยู่ในแผนงบปี 2563 และจะสร้างเสร็จปี 2566
สำหรับสถานการณ์น้ำบริเวณประตูระบายน้ำสุรัสวดีขณะนี้ มีน้ำอยู่ 155 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุทั้งหมด 266 ล้านลูกบาศก์เมตร รับน้ำได้อีก 110 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนปริมาณฝนปีนี้พบว่าตกแล้วเฉลี่ย 300 มิลลิเมตร น้อยกว่าปีที่แล้วครึ่งหนึ่ง ได้พร่องน้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อเตรียมรับน้ำฝนไว้อีก 300 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่าปีนี้จะมีปริมาณฝนมากกว่าเกณฑ์เฉลี่ยร้อยละ 5-10 และเมื่อหมดฤดูฝนคาดว่าแหล่งน้ำหนองหารจะสามารถกักเก็บน้ำได้ร้อยละ 81 ของความจุทั้งหมด
ส่วนนาง อำพร ผลวงษ์ษา เกษตรกรในพื้นที่เล่าว่า ในฤดูทำนาปกติ คือข้าวนาปี ที่เริ่มเพาะปลูกตั้งแต่ฤดูฝน น้ำสำหรับเพาะปลูกและอุปโภคบริโภคเพียงพอมาตลอดทุกปี โดยกลุ่มเกษตรกรจะใช้น้ำจากท้ายน้ำของแหล่งน้ำหนองหารที่ไหลผ่านประตูสุรัสวดีมาเป็นน้ำเพาะปลูก ส่วนในฤดูแล้ง ไม่สามารถทำนาปรังหรือเพาะปลูกข้าวนอกฤดูได้ เพราะน้ำไม่เพียงพอ จึงต้องมาปลูกมะเขือเทศที่เป็นพืชน้ำน้อยแทน และต้องลดการปลูกเหลือเพียง 4 ไร่ จากเดิมที่ในช่วงฤดูฝนสามารถปลูกข้าวนาปีได้ 10-12 ไร่ จึงฝากไปยังรัฐบาลว่าอยากได้คลองส่งน้ำเพิ่มในช่วงฤดูแล้ง เพื่อให้เพาะปลูกได้ รวมทั้งอยากได้ถนนและไฟฟ้าส่องสว่างเพิ่ม เนื่องจากถนนหลายสายรอบพื้นที่ยังเป็นลูกรังและดินแดง รวมทั้งไม่มีไฟฟ้าส่องสว่างช่วงกลางคืน ทำให้การสัญจรอันตราย