+++ทนายความของอดีตพระพรหมสิทธิ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ เตรียมยื่นอุทธรณ์คดีหลังจากที่เย็นวานนี้ ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ไม่อนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว ตามที่ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว อดีตพระพรหมสิทธิ มีสีหน้าเรียบเฉยระหว่างเดินขึ้นบันไดศาล และไม่ให้สัมภาษณ์ ทนายความยื่นหลักทรัพย์ 1 ล้านบาท ขอปล่อยตัวชั่วคราว กระทั่งสุดศาลไม่ให้ประกันตัว เนื่องจากเห็นว่าผู้ต้องหาทำเป็นขบวนการ หากปล่อยตัวไปเกรงว่าจะเข้าไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และหลบหนี ทำให้อดีตพระพรหมสิทธิต้องสละสมณเพศ ก่อนนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
+++พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร รับตัวอดีตพระพรหมสิทธิ ฝากขัง วันแรกจะต้องควบคุมตัวในแดนแรกรับ หรือแดน 1 ก่อน เพื่อให้ปรับตัวและเรียนรู้ระเบียบข้อบังคับ หากมีความประสงค์ปฏิบัติธรรม ถือศีล 5 หรือศีล 8 รวมถึงงดอาหารเย็นเหมือนที่เคยปฏิบัติ เรือนจำ ก็พร้อมอนุโลมให้ พร้อมเตรียมทีมแพทย์เข้าให้ดูแลสุขภาพและเปิดให้ลูกศิษย์เยี่ยมได้ตามเวลาที่กำหนด
+++พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.)นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เดินทางไปยังวัดสระเกศ เพื่อนำตัวอดีตพระพรหมสิทธิ เดินทางไปที่กองบังคับการปราบปรามเพื่อสอบปากคำหลังจากที่เจ้าตัวได้ติดต่อขอเข้ามอบตัว
+++พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปรามพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. ได้ควบคุมตัวอดีตพระพรหมสิทธิ ไปขึ้นรถตู้กองปราบปราม เพื่อนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน
+++ภาพรวมการดำเนินคดีเงินทอนวัดล็อตที่ 3 ตำรวจสามารถนำอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องรวม 5 คน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและสละสมณเพศ จนล่าสุดคืออดีตพระพรหมสิทธิ เหลือเพียงพระพรหมเมธี หรือ "พระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา" อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามฯ ที่ยังหลบหนี
+++มีรายงานว่า ช่วงสายวันนี้ พระเมธีสุทธิกร (เจ้าคุณสังคม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ที่ถูก พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แจ้งข้อกล่าวหาคดีเงินทอนวัดในล็อตที่ 3 เป็นพระพี่เลี้ยง เมื่อ ร.ท.ฐิติทัตน์ นิพนธ์พิทยา ทหารสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย จะเดินทางเข้ามอบตัวที่กองปราบ
+++ที่ประชุมมหาเถรสมาคม ยังรับทราบพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราช ที่ให้กรรมการ มส.ทั้ง 3 รูป ประกอบด้วย อดีตพระพรหมดิลก, อดีตพระพรหมสิทธิ และอดีตพระพรหมเมธี พ้นจากตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีมติให้อดีตพระพรหมสิทธิ พ้นจากตำแหน่งประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ
+++ที่ประชุม มส.รับทราบการแต่งตั้ง พระเทพวิสุทธิโมลี เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาสฯ ในฐานะรองเจ้าคณะภาค 10 เป็นรักษาการเจ้าคณะภาค 10 แทนอดีตพระพรหมสิทธิ แต่งตั้ง พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เป็นรักษาการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร แต่งตั้ง พระพรหมมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธ เป็นรักษาการเจ้าคณะภาค 4, 5, 6 และ 7 แทนอดีตพระพรหมเมธี
+++ในที่ประชุม มส.ยังไม่มีมติแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และวัดสามพระยา โดยให้รองเจ้าอาวาสหรือผู้ช่วยเจ้าอาวาสปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน
+++ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แถลงว่าป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องคดีทุจริตเงินทอนวัดล็อตที่ 3 ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า สำนวนการสอบสวนที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บก.ปปป.) ส่งมาเป็นกรณีกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ ว่า กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่เนื่องจากบก.ปปป. ได้ดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาบางรายในความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งมีมูลฐานจากคดีความผิดฐานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาบางรายไว้แล้ว เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ จึงเห็นควรให้ส่งเรื่องกลับไปยัง ผบ.ตร.และหน่วยงานต้นสังกัด
+++พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ออกหมายจับนายรัตนะ เฮง สัญชาติกัมพูชา หลังสืบทราบว่าเป็นผู้ทำเว็บไซต์ข่าวปลอมชื่อ Ratstas.com พาดหัวข่าวว่า "บิ๊กตู่ ฟิวส์ขาด ด่ากราด ไล่ให้เติมน้ำเปล่าแทนดีเซลอย่าโง่ วอนประชาชนอย่าเรื่องมาก" อันเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตำรวจกัมพูชา ช่วยตามจับตัวนายรัตนะ ได้แล้ว คดีนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงประเทศฯ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (3) โทษจำ คุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
+++พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ 191 บก.ทท. บก.ปอท. ร่วมกันสืบสวนกรณีผู้ไม่หวังดีทำเว็บไซต์และเผยแพร่ข่าวโจมตีนายกฯ ชุดทำงานสืบสวนทราบว่า เว็บไซต์ที่ปล่อยข่าวมีนายรัตนะเป็นเจ้าของ และนายรัตนะ ยังดูแลอีกหลายเว็บไซต์มีสำนักพิมพ์ที่กัมพูชา และมีพฤติการณ์เดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้งผ่านด่านชายแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีแนวคิดต่อต้านรัฐบาลไทย เจ้าหน้าที่ยังดำเนินคดีกับคนไทยอีก 6 ราย คือ นายธนวัชร์ อ้อนวอน นายรุ่งโรจน์ ปรีชา น.ส.ปภาศร สระอุบล น.ส.จิตาภา บุญทวี น.ส.ประภัสสร วันชูชิต และนายรฐนนท์ ชัยชนะ ที่ได้มีการแชร์ข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์ของผู้ต้องหา ทั้งหมดให้การสารภาพว่าไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง หรือมีแนวคิดทางการเมืองที่รุนแรง เพียงแค่เห็นสถานการณ์น้ำมันแพงในประเทศไทยเลยแชร์ข่าวจากเว็บไซต์ดังกล่าวเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงแจ้งความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ
แฟ้มภาพ