+++สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครนว่า หลังจากออกข่าวได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมงว่า นายอาร์คาดี บับเชนโก วัย 41 ปี นักข่าวชาวรัสเซีย ซึ่งมีแนวคิดต่อต้านรัฐบาลรัสเซีย ถูกคนร้ายลอบสังหารด้วยการถูกยิง 3 นัด จนเสียชีวิตบริเวณบันไดทางขึ้นลงอพาร์ตเมนต์ในกรุงเคียฟ เชื่อว่า เป็นการจ้างวานเพื่อสังหาร ได้ออกมาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนในระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงเคียฟ เพื่อยืนยันว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้ถูกสังหาร ท่ามกลางความแปลกใจของสื่อมวลชนที่ตามข่าวเรื่องการสังหารนักข่าวคนดังที่ต่อต้านรัฐบาลรัสเซีย
+++นายวาซิล กรัยท์ซัค หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลยูเครน แถลงว่า การเสียชีวิตของนายบับเชนโกเป็นเรื่องโกหก เพราะเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการพิเศษที่ทางยูเครนจัดฉากขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลอบสังหารจริงๆกับนักข่าวรัสเซียผู้นี้ ซึ่งถือว่าได้ผลเพราะสามารถทำลายแผนการและวิธีการของฝ่ายความมั่นคงของรัสเซีย
+++ข่าวการเสียชีวิตของนักข่าวคนดังของรัสเซีย ซึ่งเคยเป็นผู้สื่อข่าวภาคสนามของสงครามและอดีตทหาร จุดกระแสการกล่าวหาซึ่งกันและกันระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ทั้งที่มีผู้ไปแสดงความอาลัย วางรูปและดอกไม้ที่สถานทูตรัสเซียในกรุงเคียฟ
+++นายดาอุด อามิน หัวหน้าตำรวจคาบูล อัฟกานิสถาน เปิดเผยว่า คนร้ายกลุ่มหัวรุนแรง โจมตีด้วยระเบิดในรถยนต์บริเวณปากทางเข้ากระทรวงมหาดไทยของอัฟกานิสถาน จากนั้นคนร้ายพยายามที่จะบุกเข้าไปข้างในกระทรวงมหาดไทย แต่ถูกกำลังทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้ามาสกัดกั้นและยิงต่อสู้กับคนร้าย ผลปรากฏว่า คนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 7 ศพและอีก 1 ศพที่เป็นมือระเบิดฆ่าตัวตายในรถยนต์ ขณะเดียวกันตำรวจก็เสียชีวิต 1 นาย และพลเรือน บาดเจ็บ 5 คน
+++การต่อสู้ ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงยุติลงได้ และเกิดขึ้นในช่วงเดือนถือศีลอดและกลุ่มหัวรุนแรงไอเอส กล่าวอ้างความรับผิดชอบ
+++เอพี รายงานอ้างพ.ท.มาร์ติน โอดอนเนลล์ โฆษกกองกำลังพันธมิตรที่มีสหรัฐฯเป็นแกนนำในอัฟกานิสถานว่า การยิงจรวดนำวิถีของสหรัฐฯโจมตีที่มั่นกลุ่มตอลีบัน ขณะประชุมกันสถานที่แห่งหนึ่งในอำเภอมุซา กาลา จังหวัดเฮลมานด์ ทางภาคใต้ของอัฟกานิสถานเมื่อวันพฤหัสบดีแล้ว มีแกนนำกลุ่มตอลีบันเสียชีวิต 50 ศพ เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าการที่รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เพิ่มอำนาจให้กับกองทัพสหรัฐฯในการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธในอัฟกานิสถาน ช่วยทำให้กองทัพสหรัฐฯทำงานได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการปฏิบัติภารกิจด้านการจู่โจม
+++คณะผู้ตรวจราชการกระทรวงกลาโหม กระทรวงต่างประเทศและสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่าการปรับกลยุทธ์ของรัฐบาลอัฟกานิสถานสามารถทำได้ดีขึ้น แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรในการปราบปรามกลุ่มตอลีบัน ส่งผลให้อัฟกานิสถานยังคงเป็นประเทศที่เสี่ยงอันตรายและสถานการณ์ต่างๆอาจพลิกผันอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าระยะเวลาผ่านมาแล้วเกือบ 17 ปีหลังสหรัฐฯบุกเข้าไปยังอัฟกานิสถานเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มีกลุ่มตอลีบัน
+++กลุ่มไอเอส อ้างว่าหนึ่งในนักรบของพวกเขา เป็นผู้ลงมือสังหารตำรวจหญิง 2 นายและนักเรียนหนึ่งคนในเมืองลีแอชของเบลเยียม ตามรายงานของสำนักข่าวอามัก คณะสืบสวนในเบลเยียมระบุว่ามือโจมตีคือนายเบนจามิน เฮอร์มัน ตำรวจเบลเยียม ระบุว่า นายเฮอร์มัน เป็นคนเร่ร่อนที่เข้าๆออกๆเรือนจำตลอดช่วง 10 ปี มีพฤติกรรมรุนแรงและก่ออาชญากรรมเล็กน้อยๆ อัยการบอกว่าวิธีการโจมตีของเขาเรียกกันว่าวิธีการประกอบอาชญากรรมแบบไอเอส
+++วันนี้ นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย จะไปเยือนเกาหลีเหนือ พบกับนายรี ยองโฮ รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องสัมพันธ์ระดับทวิภาคีและเรื่องสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี
+++ผู้สังเกตการณ์ด้านการทูตตั้งข้อสังเกตว่า นายลาฟรอฟ อาจจะพบกับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือด้วย เพื่อเสนอให้มีการจัดประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ผู้สังเกตุการณ์ระบุว่ารัสเซียแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมคลี่คลายปัญหาวิกฤติบนคาบสมุทรเกาหลีด้วย แม้ว่าช่วงนี้ผู้นำเกาหลีเหนือ อยู่ระหว่างเตรียมตัวไปร่วมประชุมกับประธานาธิบดี ทรัมป์ของสหรัฐฯ พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่า ในฐานะเป็นประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกับเกาหลีเหนือ รัสเซียจึงใส่ใจมากเป็นพิเศษต่อเรื่องการเปลี่ยนแปลงต่างๆในเรื่องดุลแห่งอำนาจทางภูมิศาสตร์การเมืองที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
+++นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวว่า ภารกิจค้นหาเบาะแสเครื่องบินโดยสารของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินเอ็มเอช 370 ที่หายสาบสูญตั้งแต่เดือนมี.ค. ปี 2557 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 คน จำเป็นต้องยุติ เนื่องจากสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดที่ไม่สามารถเดินหน้าภารกิจค้นหา อย่างเลื่อนลอย ต่อไปได้อีก นายมหาเธร์ กล่าวว่า เขาเข้าใจความรู้สึกของครอบครัวผู้สูญหายทุกคน และยืนยันว่าเมื่อใดที่มีการพบเบาะแสใหม่ที่เป็นประโยชน์ รัฐบาลพร้อมกลับมารื้อฟื้นปฏิบัติการค้นหาอีกครั้ง
+++เมื่อวันอังคาร รัฐบาลมาเลเซีย ยุติภารกิจค้นหาเบาะแสของเครื่องบินโดยสารลำนี้อย่างเป็นทางการ หลังหน่วยงานเอกชนแห่งสุดท้ายที่ได้รับอนุญาตให้ทำการค้นหา คือบริษัทโอเชียน อินฟินิตี ของสหรัฐฯ ไม่ประสบความสำเร็จในการใช้เวลาทั้งสิ้น 90 วัน สำรวจพื้นที่กว้างกว่า 112,000 ตารางกิโลเมตร ใต้มหาสมุทรอินเดีย แต่ไม่พบร่องรอย หมายความว่ารัฐบาลมาเลเซียไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมหรือเงินรางวัล 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯตามข้อตกลง ราว 2,240 ล้านบาท
CR:CNBC.COM