การคุมตัวอดีตพระพรหมสิทธิ หรือนายธงไชย สุขโข เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางฝากขังผัดแรก
มีรายงานว่า ศาลรับคำร้องฝากขังผัดแรก12วัน หลังพนักงานสอบสวนให้เหตุผลว่า กระบวนการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ยังต้องสอบพยานที่เกี่ยวข้องอีก20ปาก ซึ่งเกี่ยวข้องการเส้นทางการเงินและการกระทำผิดของกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งเป็นพระวัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ,จ. ราชบุรี , จ.ขอนแก่น และจ.นครศรีธรรมราช โดยจะเร่งดำเนินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมถึงเกรงว่าจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เนื่องจากเอกสาร ของกลาง พยานหลักฐานอยู่ในการครอบครองของผู้ต้องหาเป็นจำนวนมาก รวมถึง พฤติการณ์มีการทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ และคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยตัวเกรงว่าจะหลบหนี ซึ่งระหว่างการพิจารณา ทนายความได้ยื่นคัดค้านการขอฝากขัง เพราะเห็นว่า พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว แต่ศาลยกคำร้องคัดค้านฝากขัง ซึ่งทางทนายความได้ยื่นหลักทรัพย์วงเงิน1ล้านบาท เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว ล่าสุด เจ้าหน้าที่นำตัวอดีตพระพรหมสิทธิ ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพแล้ว

ล่าสุดศาลพิจารณาไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และคดีนี้มีอัตราโทษสูง และในขณะที่ให้โอกาสมอบตัวกลับไม่มามอบตัว โดยทนายความระบุว่า ในพรุ่งนี้จะมายื่นอุทธรณ์คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวอีกครั้ง เบื้องต้นอดีตพระพรหมสิทธิจะสึกหรือไม่ ยังไม่มีการเปล่งวาจา
ขณะที่ทางสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ชี้แจงต่อศาลว่า แม้อดีตพระพรหมสิทธิยังไม่เปล่งวาจาสึก แต่กระบวนการก็จะต้องเป็น ไปตาม พ.ร.บ.สงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 30 "เมื่อจะต้องจำคุก กักขัง หรือขังพระภิกษุรูปใดตามคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลมีอำนาจดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้ และให้รายงานให้ศาลทราบถึงการสละสมณเพศนั้น"
สำหรับมาตรการควบคุมอดีตพระพรหมสิทธิ หรือนายธงไชย สุขโข เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรวิหาร ที่เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามและอาจถูกส่งตัวเข้าคุมขังในเรือนจำ พ.ต.อ ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ในวันแรกจะต้องถูกควบคุมในแดนแรกรับ หรือแดน 1 ก่อน เพื่อให้ผู้ต้องขังเข้าใหม่มีโอกาสปรับตัวและเรียนรู้ระเบียบข้อบังคับของเรือนจำ