การจัดกิจกรรม Kick Off โครงการไทยนิยมยั่งยืน ของกรมชลประทานที่มีการคิกออฟพร้อมกันทั่วประเทศในวันนี้
นาย ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ฝ่ายบำรุงรักษา เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนโครงการของหน่วยงานต่างๆ ในระดับหมู่บ้าน ตำบล จนถึงระดับจังหวัด เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งความมั่นคง สังคม และเศรษฐกิจแบ่งเป็น 4 ระยะ ระยะแรก เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับทุกข์ผูกมิตร แล้วดำเนินเรื่อยมาจนล่าสุดคือระยะที่ 4 และเริ่มขับเคลื่อนลงพื้นที่พร้อมกัน 76 จังหวัดทั่วประเทศ โดยนาย ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน มอบให้ผู้บริหารกรมชลประทานทุกคนแยกกันลงพื้นที่ไปติดตามงานต่างๆให้ครบทั้ง 4 ภาค

สำหรับโครงการไทยนิยมยั่งยืนมี 4 แผนงาน แผนงานแรกคือ คนไทยไม่ทิ้งกัน จะมีการจ้างแรงงานทั่วประเทศประมาณ 7,520 คน แผนงานสองคือ ขับเคลื่อนกรอบชุมชนอยู่ดีมีสุข จะมีการใช้ยางพารามาทำถนนของกรมชลประทานกว่า 317 แห่งทั่วประเทศ แผนงานที่สามคือ รู้กลไกบริหารราชการ ที่เป็นแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำ 30 จังหวัด และแผนฟื้นฟูแหล่งน้ำอีก 68 จังหวัด ใช้งบรวม 9,900 กว่าล้านบาท รวมแล้วทุกแผนงานทั่วประเทศ ต้องใช้งบประมาณรวม 13,700 ล้านบาทเศษ ซึ่งได้ส่งแผนงานทุกรายการให้หน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตรวจสอบแล้ว นอกจากนี้นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้ให้นโยบายว่าประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบแผนงานทั้ง 2,000 รายการที่มีอยู่ในโครงการไทยนิยมยั่งยืน พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงาน
สำหรับผลสัมฤทธิ์ คาดว่าจะมีพื้นที่ชลประทานเพิ่ม 18,000 ไร่ เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักได้ 14 ล้านลูกบาศก์เมตร มีครัวเรือนได้ประโยชน์ 6 แสนครัวเรือน เกิดการจ้างงาน 34,200 คน ใช้งบทั้งสิ้น 1,500 ล้านบาท สำหรับพื้นที่จ.นนทบุรี ที่อยู่ในสังกัดสำนักงานชลประทานที่ 11 ภายใต้การควบคุมของนาย ทวีศักดิ์ ใช้งบประมาณ 97 ล้านบาท คาดมีการจ้างงานไม่น้อยกว่า 100 คน เป็นการจ้างมาช่วยซ่อมแซมระบบชลประทานต่างๆ ส่วนพื้นที่สำนักงานชลประทานที่ 11 ที่ครอบคลุม 7 จังหวัด ต้องใช้งบ 778 ล้านบาท คาดมีการจ้างงาน 1,811 คน
ส่วนปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆทั่วประเทศ 447 แห่ง ขณะนี้มีปริมาณน้ำเก็บกัก 46,000 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 60 ของความจุทั้งหมด โดยสามารถรับน้ำได้อีก 30,000 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 40 ของความจุทั้งหมด ส่วนเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณน้ำร้อยละ 50 ของความจุทั้งหมด ในฤดูฝนช่วงข้าวนาปี กรมชลประทานวางแผนเพาะปลูกไว้ 16 ล้านไร่ ขณะนี้มีการเพาะปลูกแล้ว 4.26 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 26 ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดที่วางไว้ ยืนยันว่าน้ำเพียงพอต่อการทำนาและอุปโภคบริโภคแน่นอน เพราะยังมีน้ำสำรองเหลือใช้ตามอ่างอีก 3 เดือน แต่ทั้งนี้ขอให้ประชาชนประหยัดน้ำ เพราะกรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าจะมีฝนทิ้งช่วงตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม หลังจากนั้นจึงจะมีฝนตกลงมาให้เก็บกักน้ำเพิ่ม ส่วนนาปรังขอให้รอดูปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมาในเขตชลประทานนับจากนี้ แต่กรมชลประทานจะพยายามเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด ส่วนพื้นที่นอกเขตชลประทาน มีการทำแก้มลิงและการขุดลอกคูคลองเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้มาตลอด 2-3 ปี แต่ก็ขอให้เกษตรกรและประชาชนติดตามข่าวจากภาครัฐและกรมอุตุฯในการปลูกพืชใช้น้ำน้อยอย่างใกล้ชิด
โดยในวันนี้ นาย ทวีศักดิ์ ได้มาเป็นประธานในการคิกออฟโครงการไทยนิยมยั่งยืนของสำนักงานชลประทานที่ 11 กรมชลประทานที่จ.นนทบุรี พร้อมทั้งร่วมปลูกต้นไม้ และทำกิจกรรมคลองสะอาด ปราศจากวัชพืช รวมทั้งพบปะเกษตรกรในพื้นที่ และเยี่ยมชมนิทรรศการด้วย
...
ผสข.ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร