ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวเป็นนัยว่า อาจจะกลับไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรัสเซียอีกครั้ง หลังสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2567 กับชี้ให้เห็นว่า จะทำตามรัฐธรรมนูญ ไม่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเกิน 2 สมัย แม้ผู้สังเกตการณ์จะเห็นว่า ประธานาธิบดีปูตินก็จะยังคงเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจมากที่สุดในรัสเซีย ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดทางเศรษฐกิจที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งมีนายกฯชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เข้าร่วมด้วย ซึ่งในเวทีดังกล่าว ประธานาธิบดีปูตินยังได้แสดงความเห็นว่า ปัจจุบัน โลกไม่ต้องการสงครามการค้า หรือแม้แต่การพักรบจากสงครามการค้าชั่วคราว แต่ต้องการเห็นสันติภาพการค้า กฎระเบียบการค้าโลกควรชัดเจนและเป็นแบบเดียวกันหมด หากการละเมิดกฎกำลังจะกลายเป็นกฎ เช่น การตั้งกำแพงภาษี ดำเนินนโยบายกีดกันการค้าแบบเผชิญหน้า คว่ำบาตร และยังขาดความไว้วางใจระหว่างกันจะกลายเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวง และนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซ้ำร้ายยังใช้ข้ออ้างว่า เป็นการปกป้องความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อกดดันคู่แข่งให้ยินยอมปฏิบัติตาม มีแต่ยิ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกพังลง
ความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับนางคริสตีน ลาการ์ด กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ที่ระบุว่า จะเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงหากใช้นโยบายกีดกันและดำเนินนโยบายแต่เพียงฝ่ายเดียว อย่างไรก็ดี ที่ประชุมไม่ได้พาดพิงชื่อสหรัฐฯ โดยตรง ส่วนกรณีสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ผู้นำรัสเซียใช้โอกาสนี้แถลงว่า จะยิ่งเพิ่มปัญหาความร่วมมือระหว่างประเทศ แต่ก็หวังว่า ผู้นำสหรัฐฯ จะไม่ปิดประตูเจรจา สำหรับการประชุมครั้งนี้ แม้มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศ แต่ก็ได้รับการตอบรับจากแขกผู้มีเกียรติระดับสูงและนักธุรกิจจากบริษัทต่างๆ กว่า 1,400 แห่ง จาก 70 ประเทศทั่วโลก
ทีมต่างประเทศ
FilePhoto