มาตรการการเยียวยาผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ล่าสุด เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 9/2561 เรื่อง มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบกิจการที่สุจริต แต่ได้รับ ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสังคมจึงไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ได้ทัน ภายในระยะเวลาที่กำหนด และหากปล่อยให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนหรือผู้ประกอบกิจการส่งผลกระทบไปถึงภาคส่วนอื่น ๆ และประชาชนในวงกว้าง รัฐจึงควรมีมาตรการบรรเทาความเสียหาย แก่ผู้ประกอบกิจการ ขณะเดียวกันสมควรให้กรมประชาสัมพันธ์ในฐานะองค์กรสื่อของรัฐสามารถ มีรายได้จากการโฆษณาได้ตามความจำเป็น โดยต้องไม่เป็นการประกอบธุรกิจที่มุ่งแสวงหากำไร
ดังนั้น หัวหน้าคสช.จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 57 หัวหน้าคสช.จึงมีคำสั่ง ดังนี้ ให้ผู้รับใบอนุญาตที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตามคำสั่ง ที่ 76/2559 ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ในส่วนที่เหลือตั้งแต่งวดที่ 2 เป็นต้นไป สำหรับผู้รับใบอนุญาต ให้ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในส่วนที่เหลือตั้งแต่งวดที่ 5 เป็นต้นไป หากผู้รับใบอนุญาตรายใดไม่สามารถชำระค่าธรรมเนียมในงวดที่เหลือให้ผู้รับใบอนุญาตรายนั้น แจ้งเป็นหนังสือไปยังกสทช. ภายใน 30 วันนับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับเพื่อขอพักชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และให้กสทช. พิจารณาการพักชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและกำหนดระยะเวลาการพักชำระค่าธรรมเนียมซึ่งต้องไม่เกิน 3 ปี
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างเวลาพักชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ผู้รับใบอนุญาตชำระดอกเบี้ยในวันที่ครบกำหนดชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในแต่ละงวดให้กสทช. โดยให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราเท่ากับอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศกำหนด โดยการพักชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตไม่เป็นการตัดสิทธิ ผู้รับใบอนุญาต นอกจากนี้ ให้กสทช. หรือคณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัย และพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ จัดให้มีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเช่าใช้โครงข่ายโทรทัศน์ประเภทที่ใช้คลื่นความถี่ ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล (MUX) ให้กับผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล เป็นจำนวนเงินในอัตราร้อยละ 50 ของค่าเช่าใช้โครงข่ายโทรทัศน์ดังกล่าวเป็นระยะเวลา 24 เดือน นับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ
ขณะเดียวกันยังให้กรมประชาสัมพันธ์อาจมีเงินรายได้จากการโฆษณาได้เท่าที่จำเป็นและเพียงพอต่อการผลิตรายการ ตามวัตถุประสงค์โดยต้องไม่เป็นการมุ่งต่อการแสวงหากำไรทางธุรกิจ.