ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ประธานาธิบดีมุน แจอินของเกาหลีใต้ เดินทางจากเกาหลีใต้มุ่งหน้าไปที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.สหรัฐฯในวันนี้ เพื่อพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ ช่วยประสานให้การประชุมสุดยอดระหว่างนายทรัมป์กับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เกิดขึ้นตามกำหนดเวลาที่วางไว้คือวันที่ 12 มิถุนายนนี้ ที่ประเทศสิงค์โปร์ แต่ในระยะหลังๆมานี้เริ่มมีความไม่แน่นอนว่าการประชุมสุดยอดดังกล่าวจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ โดยเฉพาะหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความไม่แน่นอน คือ การที่เกาหลีเหนือ ยกเลิกแผนการเชิญคณะผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศและนักข่าวต่างชาติไปร่วมสังเกตการณ์รื้อทำลายฐานทดสอบนิวเคลียร์ปุง-กเยรี ซึ่งจะดำเนินการในสัปดาห์นี้
ด้านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ของสหรัฐฯ รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯว่านายทรัมป์ กำชับให้คนใกล้ชิดและประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ ประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่านายคิม ยินดีจะล้มเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์จริงๆหรือไม่ พร้อมทั้งขอให้ช่วยพิจารณาว่าเขาควรจะยอมเสี่ยงร่วมตามกำหนดเดิมหรือไม่
นักวิเคราะห์หลายคน รวมถึงนายเจฟฟรีย์ ลูอิส ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมอาวุธจากสถาบันมิดเดิลเบอร์รี อินสติทิวท์ ออฟ อินเตอร์เนชั่น สตัดดี ของสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่า ข้อเรียกร้องจากทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะไม่สอดคล้อง
ตรงกันเท่าที่ควร แม้ว่าเกาหลีเหนือยินดีจะพูดคุยเรื่องปลดอาวุธนิวเคลียร์ แต่เกาหลีเหนือไม่เคยพูดว่าจะทำข้อตกลงเช่นนั้นในการประชุมกับนายทรัมป์ที่สิงคโปร์ ที่สำคัญคือเกาหลีเหนือมักจะพูดในภาพกว้างๆในประเด็นการปลดอาวุธนิวเคลียร์ทั่วทั้งคาบสมุทรเกาหลี หมายความว่าสหรัฐฯก็จะต้องไม่ส่งเรือรบที่สามารถโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์เข้าไปที่เกาหลีใต้เช่นกัน ไม่ใช่เสนอให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์เพียงฝ่ายเดียว
ด้านศาสตราจารย์โรเบิร์ต โคลลี ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติปูซานของเกาหลีใต้ แสดงความกังวลกรณีนายทรัมป์ เร่งรัดที่จะให้บรรลุผลสำเร็จในการเจรจากับเกาหลีเหนือครั้งนี้เพียงครั้งเดียวโดยส่วนตัวเขาอยากให้เลื่อนการประชุมสุดยอดครั้งนี้ออกไปก่อนอีก 6-8 เดือน เพื่อให้คณะทำงานจากทั้งสองฝ่ายเจรจากันในประเด็นต่างๆให้ได้ข้อสรุปอย่างชัดเจน
ทีมต่างประเทศ
CR:CNN.COM