พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ชี้แจงว่า ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจะกำกับดูแลให้ดี พร้อมรับการตรวจสอบและจะไม่ทำอะไรให้เป็นภาระต่อประเทศชาติ หลังจากที่มีรัฐบาลแล้ว คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ลดบทบาทลง รัฐบาลต้องเร่งทำงานและทำหน้าที่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่สั้นมากกับปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข จะเร่งรัดดำเนินนโยบายของแต่ละหน่วยงาน ให้ทำงานอย่างมีเอกภาพ ยืนยันไม่มีนโยบายหาเสียง ไม่มีเรื่องประชานิยมเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะไม่ได้ต้องการหาเสียงหรือวางรากฐานทางการเมือง ดังนั้นรัฐบาล มีหน้าที่ 3 ด้านคือ คือ การบริหารราชการแผ่นดิน ปฎิรูปในด้านต่างๆ และการส่งเสิมสร้างความสามัคคี จึงต้องกำหนดนโยบายให้สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ และช่วงนี้ถือว่ารัฐบาลกำลังบริหารงานในแผนโรดแมป ระยะที่ 2 รัฐบาลจะวางยุทธ์ศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืน ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน โดยมีนโยบาย 11 ด้าน จำนวน23หน้าได้แก่
1.การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
2.การรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ
3.การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ
4.การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
5.การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน
6.การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
7.การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน
8.การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และพัฒนา และนวัตกรรม
9.การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
10.การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล และการป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในภาครัฐ
11.การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงรัฐสภา โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ไม่ได้ให้สื่อมวลชน
ขณะที่พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเดินทางมาร่วมประชุมสนช.เปิดเผยถึงกรณี ที่จับกุมคนชุดดำในเหตุการณ์สลายการปี 2553 ว่า จะต้องมีการตรวจสอบความเชื่อมโยงว่าผู้ต้องหาก่อเหตุในคดีใดบ้าง ยืนยันว่าไม่มีแพะรับบาปในการจับกุม เนื่องจากการจับกุมมีหลักฐานชัดเจนและมีการขออนุมัติหมายศาลทุกครั้ง รวมถึงผู้ต้องหาให้การรับสารภาพและสามารถเล่าเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุได้ ส่วนการดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดในคดีต่างๆ นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ดำเนินการด้วยความยุติธรรม ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายและต้องมีหลักฐานชัดเจน ทั้งนี้หากพบหลักฐานที่เชื่อมโยงกับความผิดของผู้ก่อเหตุไม่ว่าจะฝ่ายใดก็จะดำเนินการจับกุมทันที