ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก วันนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ในฐานะอดีตเลขาคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) พร้อมนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย จำเลยหลักเดินทางมารับคำสั่งนัดชี้ 2 สถาน และกำหนดวันสืบพยานในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท จากการที่นายสุเทพกับพวกรวม 38 ราย ขัดขวางการเลือกตั้ง เมื่อปี 2557 ทำให้กกต. ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้
นายสุเทพ เปิดเผยหลังเข้ารับฟังคำสั่งศาลว่า เบื้องศาลได้รวมการพิจารณาของจำเลยอีกหนึ่งคน ที่มีการแยกฟ้องออกไป ทำให้จำเลยคดีนี้มีทั้งหมด 39 คน และศาลได้ชี้สองสถาน เพื่อกำหนดประเด็นการต่อสู้ให้มีความครอบคลุม อาทิ มีการฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ คดีขาดอายุความหรือไม่ และการฟ้องของโจทก์ใช้สิทธิ์โดยสุจริตและมีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ โจทก์ได้รับความเสียหายเพียงใด จำเลยทั้งหมดต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่เพียงใด
ศาลเห็นควรให้มีการพิจารณาจำหน่ายคดีแพ่งชั่วคราว เพื่อรอฟังผลในส่วนคดีอาญา ซึ่งเป็นคดีกบฏและมีการรวมทุกข้อกล่าวหาทั้งอั้งยี่ ซ่องโจร มั่วสุมชุมนุม และขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งศาลอาญา นัดตรวจพยานหลักฐานคดีกบฏ ที่รวมเรื่องการขัดขวางการเลือกตั้งด้วย ในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ เวลา 09.00 น. สำหรับกรณีที่มีหนึ่งในจำเลย ที่จังหวัดพัทลุงเสียชีวิต ศาลให้ภรรยาและลูกเข้ามาร่วมรับผิดชอบ ในส่วนตัวเห็นว่ากรณีนี้ไม่เป็นธรรม
สำหรับการสืบพยานในคดีดังกล่าว ฝ่ายโจทก์ยื่นขอสืบพยานทั้งหมด 126 ปาก ส่วนฝ่ายจำเลย มีพยาน 10-20 ปาก แบ่งเป็นกรณีๆ ไป นายสุเทพ กล่าวยืนยันกลุ่มกปปส. และประชาชนทั้งหมด มีเจตนาที่จะคัดค้านการเลือกตั้ง โดยที่ไม่ได้ทำการขัดขวางการเลือกตั้งตามที่โจทก์กล่าวอ้าง รวมถึงมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่า กรณีดังกล่าว ไม่ใช่ความผิดของกลุ่ม กปปส. และประชาชน พร้อมให้เหตุผลว่าการที่ กกต.จัดการเลือกตั้งไม่สำเร็จนั้น เป็นเรื่องของรัฐบาลในขณะนั้น และ กกต. ที่จะต้องรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าว:ปภาดา พูลสุข