ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30น.
+++ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯยืนยัน จะไม่ใช้ลิเบีย โมเดล กับเกาหลีเหนือ และคิมจองอึนจะได้อยู่ในอำนาจต่อไป หลัง นาย คิม คเย-กวาน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของเกาหลีเหนือขู่เมื่อค่ำวันอังคารว่าเกาหลีเหนืออาจจะยกเลิกแผนประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐฯกับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในสิงคโปร์ในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ ถ้าสหรัฐฯไม่ยกเลิกแผนซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ หรือยังยืนหยัดที่จะเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์โดยทันที
+++ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ย้ำถึงความจำเป็นของกองทัพจีนในการเร่งพัฒนาวิทยาการด้านการทหารให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นและจัดตั้งสถาบันวิจัยทางทหารชั้นสูงขึ้นมาเพื่อสนับสนุนเรื่องการพัฒนากองทัพจีนในยุคใหม่ให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น นายสี ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน(ซีพีซี)และประธานคณะกรรมการกลางการทหารพรรคคอมมิวนิสต์จีน พูดเรื่องนี้ระหว่างการไปตรวจราชการที่วิทยาลัยเทคโนโลยีการทหารของกองทัพจีน
+++ผู้นำจีนย้ำว่านวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยด้านการทหาร และการจัดตั้งสถาบันวิจัยการทหารควรจะเน้นหนักให้มากๆ เพื่อให้กองทัพจีนสามารถรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกรณีเกิดภัยสงคราม อีกทั้งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถด้านการจู่โจมของกองทัพจีนให้สูงขึ้น
+++วุฒิสภาสหรัฐให้การรับรอง จีนา แฮสเพล เป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) คนใหม่ แฮสเพล วัย 33 ปี ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการซีไอเอ ผ่านการลงมติรับรองการเสนอชื่อเธอ ด้วยคะแนน 54-45 เสียงจากสมาชิกวุฒิสภา แฮสเพล ผ่านการรับรอง แม้มีเสียงต่อต้านจากกรณีที่เธอมีความเกี่ยวข้องกับวิธีสอบสวนผู้ต้องสงสัยอย่างสุดโหดของซีไอเอ ในนั้นรวมถึง waterboarding (วิธีทรมานแบบสำลักน้ำ) ที่ถูกนำมาใช้ในช่วงหลายปีหลังเกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน ตลอดเส้นทางอาชีพซีไอเอ แฮสเพล ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในฐานะเจ้าหน้าที่สืบราชกาารลับ โดยเมื่อปี 2002 เธอเคยเป็นหัวหน้าสถานีซีไอเอในไทย ดินแดนที่หน่วยงานแห่งนี้มีคุกลับไว้สำหรับดำเนินการสอบสวนผู้ต้องสงสัยโดยใช้วิธีทรมานต่างๆ ในนั้นรวมถึง waterboarding และ 3 ปีต่อมาเธอออกคำสั่งทำลายเทปวิดีโอการสอบปากคำเหล่านั้น
+++ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ) ของโททัล บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่แห่งฝรั่งเศส ระบุในวันพฤหัสบดี(17พ.ค.) ว่าไม่ประหลาดใจเลยหากได้เห็นราคาน้ำมันดิบแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงปลายปีนี้หลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน จากความพยายามจำกัดการผลิตล้นตลาดความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ตัดสินใจถอนสหรัฐฯพ้นจากข้อตกลงนานาชาติว่าด้วยเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้น
+++ส่วนราคาน้ำมัน เวสต์เท็กซัส ตลาดนิวยอร์ค ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13 เซนต์ อยู่ที่ 71 เหรียญ 62 เซนต์ ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือ ตลาดลอนดอน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 เซนต์ อยู่ที่ 79 เหรียญ 30 เซนต์ ด้านดัชนีอตุสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลดลง 54.95 จุด อยูที่ 24,713.98 จุด ราคาทองคำโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ อยู่ที่ 1,289 เหรียญ ต่อออนซ์
+++โอลี อิลุงกา คาเลนกา รมว.กระทรวงสาธารณสุขสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์คองโก) แถลงเมื่อวันพุธว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลารอบล่าสุดนี้ กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ "ช่วงระยะใหม่" หลังมีการพบการติดเชื้อในเขตเมืองรายแรกในเมืองบังดากา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งมีจำนวนประชากรราว 1 ล้านคน การระบาดครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 9 ตั้งแต่มีการพบเชื้อครั้งแรกเมื่อช่วงคริสต์ทศวรรษปี 1970 โดยมีรายงานการต้องสังสัยติดเชื้อ 42 ราย เสียชีวิตแล้ว 23 ราย ในจำนวนนี้มี 2 ราย ที่ได้รับการยืนยันไวรัสอีโบลาจากผลทดสอบในห้องปฏิบัติการ ขณะที่อีกราว 4,000 คนที่อาจติดต่อใกล้ชิดกับผู้ป่วย
+++ขณะเดียวกัน วัคซีนที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทเมิร์กแอนด์โคซึ่งยังอยู่ในระหว่างการทดสอบ จำนวน 4,000 หน่วย ได้ถูกจัดส่งโดยองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ไปยังกรุงกินซาซา ซึ่งการแจกจ่ายวัคซีนจะเริ่มดำเนินการได้ในต้นสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ยังจัดส่งถุงบรรจุศพกว่า 300 ใบไปยังชุมชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้การฝังศพผู้ติดเชื้อเป็นไปตามขั้นตอนและมาตรการด้านความปลอดภัย
+++เมแกน มาร์เคิล นักแสดงชาวอเมริกันที่เป็นพระคู่หมั้นเจ้าชายแฮร์รีของอังกฤษยืนยันแล้วว่า บิดาจะไม่มาร่วมพิธีเสกสมรสในวันเสาร์นี้ ยุติกระแสข่าวลือสับสนที่สะพัดมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ส่วนนางดอเรีย แร็กแลนด์ มารดาชาวอเมริกันแอฟริกันวัย 61 ปี ที่เป็นครูสอนโยคะและนักสังคมสงเคราะห์ซึ่งแยกกับนายมาร์เคิลตั้งแต่บุตรสาวอายุเพียง 6 ขวบ เดินทางถึงอังกฤษแล้ว และจะเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินเบอระในวันนี้ตามเวลาอังกฤษ