+++การแก้ปัญหาตามที่ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) เรียกร้อง พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 จัดทำร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการติดตามขับเคลื่อนการแก้ปัญหา มีนายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีผู้แทนและปลัดจากกระทรวงต่างๆ และผู้แทนจากกลุ่มพีมูฟอีก 12 คนเข้าร่วมด้วย โดยจะนำร่างคำสั่งนี้ให้นายกรัฐมนตรีลงนามต่อไป หลังจากนั้นจะเรียกประชุมร่วมกัน มีหน้าที่ 2 เรื่อง คือ ติดตามและเร่งรัดการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับประเด็นความเดือดร้อนของประชาชน รวบรวมปัญหาแนวทางการแก้ไขผลกระทบและการเยียวยาประชาชน รวมถึงพิจารณาการใช้มาตรการและกฎหมายเพื่อแก้ปัญหา
+++ตามที่ น.ส.บุญศรี น.ส.รัตนฉัตร น.ส.แสงหยก และน.ส.ราณี แสงหยกตระการ สี่พี่น้องเจ้าของบ้านพักในหมู่บ้านเสรีวิลล่า ย่านสวนหลวง ร.9 ยื่นฟ้อง ผู้ว่าฯ กทม. ผอ.เขตประเวศ สำนักงาน เขตประเวศ และกทม. เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-4 ข้อพิพาทเรื่องหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และกระทำละเมิดจากการละเลยต่อหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติอย่างล่าช้า รวม 3 ข้อกล่าวหา ศาลปกครองกลาง สั่งกทม.รื้อ 5 ตลาดรอบบ้านภายใน 60 วัน จ่ายชดใช้กว่า 1.4 ล้านบาท ปล่อยสร้างอาคารไม่ถูกต้องสูญเสียความสุข
+++พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ก็จำเป็นต้องรื้อถอนตามนั้น ส่วนการชดใช้ค่าเสียหายจะขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลเนื่องจากไม่ใช่ความผิดที่เกิดขึ้นจากตน ปัจจุบันตลาดรอบบ้านน.ส.บุญศรี กทม.ได้สั่งปิดทั้งหมดแล้ว โดยได้รื้อถอนบางส่วนตลาดที่ไม่ได้ขออนุญาตออกแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ ตลาดรุ่งวาณิชย์ ตลาดร่มเหลืองที่ไม่มีใบอนุญาต ตลาดรุ่งนรา ส่วนที่เหลืออีก 2 แห่ง ได้แก่ ตลาดเปิ้ลมาร์เก็ต ตลาดสวนหลวง ยังไม่มีการรื้อถอนโครงสร้างออกเนื่องจากเจ้าของตลาดได้ยื่นขออนุญาตตามกฎหมาย และอยู่ระหว่างรอคำพิพากษาของศาล กทม.จึงไม่ได้รื้อถอน เพราะเจ้าของตลาดอาจฟ้องร้องได้
+++ความคืบหน้าการสอบสวนทางวินัยต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องปล่อยให้จัดตั้งตลาด ปลัดกทม.ได้รายงานเบื้องต้นว่าพิจารณาความผิดทางวินัยเสร็จสิ้นแล้ว โดยความผิดที่พบ คือความผิดวินัยไม่ร้ายแรง อาทิ การตัดเงินเดือน เป็นต้น เบื้องต้นมีข้าราชการเกี่ยวข้อง 7 ราย อาทิ อดีต ผอ.เขตประเวศและคนปัจจุบัน หัวหน้าฝ่ายโยธาเขต หัวหน้าฝ่ายอนามัย หัวหน้าฝ่าย สิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล เป็นต้น ซึ่งจะมีการหารือร่วมกับผู้เกี่ยวข้องถึงการดำเนินการต่างๆ อีกครั้ง
+++ที่ทำเนียบ มีการประชุมหลายเรื่อง พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ ประชุมแก้ไขปัญหาด้านงบประมาณน้ำ ด้านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประชุมบูรณาการการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจราจร
+++สถานการณ์น้ำมัน สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 18 เซ็นต์ ปิดที่ 71.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 85 เซ็นต์ ปิดที่ 79.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ(อีไอเอ) ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ ระบุว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 พฤษภาคม ลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล รายงานประจำเดือนจากทบวงพลังงานสากล ปรับลดตัวเลขประมาณการอุปสงค์พลังงานโลกสำหรับปี 2018 ลดลงมาอยู่ที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากประมาณการก่อนหน้านี้ที่1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
+++ราคาน้ำในประเทศ เช้านี้ ผู้ค้าน้ำมัน ปรับขึ้นราคาทุกประเภท 50 สต. ยกเว้นอี 85 ขยับขึ้น 30 สต.ต่อลิตร หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และเงินบาทอ่อนค่าหลังเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น
+++นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ใกล้ราคา 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และได้เตรียมมาตรการเพื่อลดผลกระทบภาคขนส่ง กระทรวงพลังงานเตรียมแผนจำหน่ายบี20 ให้รถโดยสารขนาดใหญ่ และเรือโดยสาร ในราคาต่ำกว่าไบโอดีเซลบี7 ในอัตราต่ำกว่า3 บาทต่อลิตร คาดจะเริ่มจำหน่ายเดือน มิ.ย.- ก.ค.นี้ ดังนั้น ขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งอย่าเพิ่งปรับขึ้นค่าโดยสาร
+++รมว.พลังงาน กล่าวถึง ราคาแอลพีจีที่ปรับขึ้น 4 สัปดาห์ต่อเนื่องว่า จะติดตามสถานการณ์อีก 2 สัปดาห์ หากพบว่ามีผลกระทบรุนแรงต่อประชาชน คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะประชุมร่วมว่ามีมาตรการอะไรที่จะมาดูแลต่อไป
+++นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ขอให้ติดตามสถานการณ์เงินเฟ้อ แม้จะปรับเข้าสู่กรอบ เป้าหมาย แต่ก็ยังคงเป้าเงินเฟ้อทั้งปีไว้ที่ร้อยละ 1 ซึ่งตัวที่เร่งขึ้นมากคือราคาน้ำมัน ดูทิศทางแล้วเหมือนจะสูงกว่าที่คาดไว้ครั้งที่แล้ว
+++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้น ได้แรงหนุนจากข้อมูลบวกทางอุตสาหกรรมของสหรัฐฯและรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแอ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 62.52 จุด ปิดที่ 24,768.93 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 11.01 จุด ปิดที่ 2,722.46 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 46.67 จุด ปิดที่ 7,398.30 จุด
+++ติดตามหุ้นไทย หลังจากที่เมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลงค่อนข้างมาก ปิดที่ 1,750.62 จุด ลดลง 16.24 จุด เนื่องจากความวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีนี้ เพิ่มเป็น 4 ครั้ง และนักลงทุนกลัวว่าเงินทุนไหลออก หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น
+++กนง.ติดตามเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ มองว่าในระยะข้างหน้าอัตราแลกเปลี่ยนยังมีแนวโน้มผันผวน โดยมีสาเหตุหลักจากความไม่แน่นอนของนโยบายการเงิน การคลังและการค้าระหว่างประเทศของประเทศอุตสาหกรรมหลัก
+++ราคาทองคำ ขยับขึ้นเล็กน้อย ฟื้นตัวเล็กน้อยหลังจากเมื่อวานนี้ ดิ่งลงหนัก ทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,291.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++ในภาพรวมกนง. มีมติเอกฉันท์ 6 ต่อ 0 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี ปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยขึ้นจากร้อยละ 3.9 เป็นร้อยละ 4.1
+++นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เปิดงาน Startup Thailand 2018 พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ ประเทศไทยกับการก้าวสู่การเป็น Startup Hub ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์
แฟ้มภาพ