หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในมาเลยเซีย หลังนาย มหาเธร์ โมฮัมหมัด ชนะเลือกตั้ง จะมีผลให้การพูดคุยสันติสุขเกิดการสะดุดหรือไม่ ว่า การพูดคุยสันติสุขเป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลในมาเลเซีย รัฐบาลจะต้องประสานความร่วมมือต่อไป ถือได้ว่าเป็นการสร้างความรับรู้กับต่างประเทศ โดยเฉพาะองค์กรในระดับโลก ให้ทราบถึงกระบวนการแก้ไขปัญหาอย่างไร โดยทางการมาเลเซียเอง เป็นผู้อำนวยความสะดวก ไม่ได้มีส่วนในการเข้าร่วมพูดคุยสันติสุขมาราปัตตานีในครั้งนี้ และส่วนตนคิดว่าน่าจะได้ทำเรื่องการพูดคุยสันติสุขนี้อย่างต่อเนื่องอยู่แล้วเนื่องจากเป็นความมั่นคงระหว่างภูมิภาคอาเซียน
ส่วนกรณีที่นาย มหาเธร์ ชนะเลือกตั้งด้วยวัย 92 ปี จนอาจมีแนวคิดปลุกนายชวน หลีกภัย มาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพื่อสู้เลือกตั้งกับพรรคหนุนให้กับพรรครัฐบาลของคสช. นายกรัฐมนตรีระบุ ว่า ใครจะปลุกอะไรอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ประเทศไทยควรมีสถาปัตยกรรมด้านการเมืองเป็นของตัวเอง จะเอาประเทศอื่นมาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ เพราะคนไทยไม่เหมือนคนอื่น ซึ่งทุกวันนี้คนไทยมีการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น มีความเข้าใจในประชาธิปไตยที่เพิ่มมากขึ้น ให้รอดูผลการเลือกของประชาชนว่าจะออกมาเป็นในทิศทางใด
ส่วนผลสำรวจนิด้าโพลที่สนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ พล.อ.ประยุทธ ขอบคุณผลสำรวจต่าง ๆ และประชาชนที่มาตอบแบบสอบถาม แต่ส่วนตัวมุ่งหวังเพียงว่าจะทำอย่างไรให้ได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ให้ได้ส.ส. และครม.ที่มีคุณภาพ เท่านั้น ส่วนผลโพลจะเป็นอย่างไรก็ถือว่าเป็นเรื่องของโพล
ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า คสช.จะไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยเพื่อจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากผลสำรวจของประชาชนจากนิด้าโพลต้องการให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นายกรัฐมนตรีระบุว่า ใครจะไปจับมือกับใครก็เรื่องของเขา แต่ขณะนี้ทุกพรรคการเมืองต้องทำเพื่อประชาชนไม่ใช่ทำเพื่อตนเอง นายกรัฐมนตรีได้ย้ำด้วยว่าต้องการให้มีการเลือกตั้งและไม่เคยหาเหตุผลไม่ให้เกิดการเลือกตั้ง เพราะประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตย ไม่มีใครไปฝืนเรื่องนี้ได้ ซึ่งสิ่งที่ต้องทำในขณะนี้คือทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าใจประชาธิปไตยที่ดี ที่ถูกต้อง
ส่วนสูตรการเมืองที่ให้ทุกพรรคการเมืองยอมรับผลการเลือกตั้ง โดยไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐบาลแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้ เพราะจะเลือกตั้งไปทำไมถ้าไม่ยอมรับการเลือกตั้ง ดังนั้นเมื่อเลือกตั้งมาแล้วก็ต้องยอมรับ และจะต้องไม่มีการประท้วง ไม่มีการขัดแย้งหรือใช้อาวุธสงคราม ซึ่งพรรคการเมืองจะต้องสัญญากับประชาชนไม่ใช่ตนเองมาสัญญา และจะต้องพิจารณาด้วยว่าหากเลือกตั้งมาแล้วบริหารไม่ได้จะทำอย่างไร ซึ่งบางคนพูดไปการทำรัฐประหาร ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าหากดีแล้วใครอยากมาทำหรือเสี่ยง ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังฝากกับประชาชนว่า จะยอมให้คนมาพูดจาเช่นนี้อยู่หรือ