ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ประกาศยุทธศาสตร์ทำลายกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส ไม่ว่ากลุ่มนี้จะอยู่ที่ใดก็ตาม ซึ่งรวมถึงการขอความเห็นชอบการใช้กำลังทางอากาศโจมตีพื้นที่เป้าหมายในซีเรีย และการเพิ่มกำลังทหารอเมริกันเพื่อสนับสนุนกลุ่มกบฏซีเรียที่ไม่ใช่กลุ่มไอเอส ซึ่งก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐผ่านความเห็นชอบการใช้เงินงบประมาณ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อสนับสนุนกองทัพอิรัก นอกไปจากการสนับสนุนกลุ่มกบฎซีเรียต่อต้านรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาดแห่งซีเรียมานาน 3 ปี 6 เดือน ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐ ได้ย้ำความร่วมมือกันเพื่อปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายไอเอส ซึ่งจะแตกต่างจากปฏิบัติการของกองทัพสหรัฐในอิรักตลอดจนอัฟกานิสถาน เพราะจะไม่มีกำลังทหารสหรัฐภาคพื้นดิน
ผู้นำสหรัฐกล่าวในระหว่างการแถลงทางโทรทัศน์ว่า ต้องการสร้างความชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาจะไล่ล่ากลุ่มก่อการร้ายที่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศ ไม่ว่ากลุ่มนั้นจะอยู่ที่ใดก็ตาม และจะไม่รั้งรอที่จะใช้กำลังทางอากาศเพื่อปราบปรามกลุ่มไอเอสทั้งในซีเรีย และ อิรัก ซึ่งเขาถือเป็นนโยบายหลักของเขาในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี นอกจากนี้สหรัฐและมิตรประเทศยังต้องให้ความช่วยเหลือทั้งกลุ่มฝายค้านซีเรียและหน่วยงานความมั่นคงอิรัก ขณะที่กำลังทหารสหรัฐ 475 นายที่จะเดินทางไปอิรักนั้น เป็นกำลังที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำสงคราม
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มกำลังทหารอเมริกันในอิรักครั้งนี้ จะทำให้มีทหารอเมริกันอยู่ในอิรักมากกว่า 1,000 นาย นอกไปจากการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่กองทัพอิรักและเคิร์ด
โดยในขณะนี้ นายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐ กำลังอยู่ในตะวันออกกลางเพื่อหาแนวร่วมต่อต้านกลุ่มไอเอส ที่ควบคุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้างจากซีเรียถึงอิรัก จากการใช้ยุทธวิธี การจู่โจมอย่างรวดเร็วและการสร้างความหวาดกลัวด้วยการเผยแพร่ภาพการสังหารหมู่ โดยพื้นที่สำคัญที่กลุ่มยึดไว้ก็คือเมืองรัคกาในซีเรีย ซึ่งกลุ่มเข้ายึดอำนาจของทางการท้องถิ่นไว้ ขณะที่สหรัฐอเมริกา ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตีกลุ่มไอเอสในอิรักหลายครั้ง เพื่อสนับสนุนกำลังทหารอิรัก อย่างไรก็ตาม นายแคร์รี่จะหารือกับผู้นำกลุ่มต่างๆ เกี่ยวกับบทบาทของทางการอิรักในการเป็นผู้นำการปราบปรามกลุ่มไอเอส ด้วยการรวมกลุ่มทั้งชาวชีอะห์ สุหนี่ และเคิร์ด
...F163..