พ.ต.ท.สันธนะ มอบตัว ปฎิเสธทุกข้อหา ยันเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ส่งต่อสน.ดอนเมือง

หลังจากที่เมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินทางไปที่บ้านของบิดาของพ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผกก.สันติบาลและที่ปรึกษาตลาดใหม่ดอนเมือง บริเวณถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว เพื่อติดตามจับกุมตัวพ.ต.ท.สันธนะ ตามหมายจับเกี่ยวกับข้อหากรรโชกทรัพย์ จำนวน 9 หมาย พ.ต.ท.สันธนะ ระบุว่า เช้านี้จะขอเข้ามอบตัวกับผกก.สน.โชคชัย เพื่อให้พาไปที่สน.ดอนเมือง พื้นที่เกิดเหตุ 

ล่าสุด เช้านี้ พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู ผกก.สน.โชคชัย ให้ข้อมูลสั้นๆ ว่า กำลังดำเนินการตามขั้นตอน  มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่นำหมายจับมาจำนวน 8 หมาย

พ.ต.ท.สันธนะ เปิดเผยก่อนมอบตัวด้วยน้ำตา พร้อมทั้งถอดเสื้อ โดยอ้างว่า เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่า ขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน “ทุกคนรักพ่อแม่ ผมขอเอาชีวิตพ่อกับแม่เป็นเดิมพัน หากตนทำเลว ขอให้ท่านได้มีอันเป็นไป เหมือนกับชีวิตผม น้ำตาลูกผู้ชายวันนี้ คงแสดงไม่ได้ขนาดนี้ ก็ขอให้ทุกคนเข้าใจและอยากให้ตำรวจทุกคนเข้าใจ ใครทำกับผม ขอให้ส่งผลกลับไปถึงครอบครัว พ่อแม่ ลูก ภรรยา ของคุณทุกชีวิตเช่นเดียวกัน” ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้แอคชันหรือดราม่า แต่ออกมาจากจิตใต้สำนึก ขอให้ทุกคนเข้าใจ ขอปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ยังเชื่อในกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ พ.ต.ท.สันธนะ ได้เดินทางไปที่สน.โชคชัย เพื่อลงบันทึกเอกสาร เจ้าหน้าที่จะคุมตัวส่งต่อที่สน.ดอนเมือง พร้อมทั้งระบุว่า ที่เดินทางมาที่บ้านหลังนี้ เพื่อกราบลาพ่อแม่เป็นครั้งสุดท้าย ยืนยันว่า ได้ทำลายเอกสารที่จะไปยื่นให้นายกฯทั้งหมดแล้ว และเสียใจที่ไม่สามารถรักษาเอกสารลับเอาไว้ได้  

เมื่อวานนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) นำกำลังไปค้นคอนโด ย่านพหลโยธิน เพื่อเข้าจับกุม พ.ต.ท.สันธนะ แต่ไม่พบตัว พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่เรียกรับเงินจากผู้ค้าในตลาดใหม่ดอนเมืองว่า ในส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล หลังจากพ่อค้าแม่ค้าเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกว่า 200 คน และจากการตรวจค้นสำนักงานที่ตลาดใหม่ดอนเมือง พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทำให้ศาลพิจารณาคำร้อง อนุมัติหมายจับพ.ต.ท.สันธนะ และผู้ร่วมขบวนการอีก 10 คน รวม 45 หมายจับ

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ที่ศาลออกหมายจับ พ.ต.ท.สันธนะ เป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งข้อหากรรโชกทรัพย์เข้ามูลฐานความผิดฟอกเงิน ส่วนที่ถามว่าเข้าข่ายผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟีย ตามกฎหมายคำว่าผู้มีอิทธิหรือมาเฟียไม่ได้บัญญัติไว้ แต่ลักษณะการกระทำความผิดดังกล่าวอยู่ในข้อหากรรโชกทรัพย์แล้ว ทุกอย่างมีหลักฐานการกระทำความผิดที่ชัดเจน ศาลจึงได้ออกหมายจับ