กนง.ประชุม16พ.ค. คาดคงดอกเบี้ย 1.5%/ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองราคาน้ำมันขาขึ้น/ตั้งอนุกก.ไต่สวนศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งเพิ่มอีก4จังหวัด

+++ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบที่ 3 ในวันที่ 16 พ.ค. น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับร้อยละ 1.50 เนื่องจาก การบริโภคของเศรษฐกิจไทยเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังมีไม่มาก

+++นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี คาดว่า จีดีพีน่าจะเติบโตได้เกินร้อยละ 4 จากปัจจุบันดัชนีเศรษฐกิจเป็นบวกทุกตัว ทั้งการบริโภคและการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนต่างประเทศ เติบโตอย่างน่าประทับใจ สัปดาห์หน้า จะมีตัวแทนผู้นำรัฐบาลจาก มาเก๊า ฮ่องกง เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ เดินทางมาเยือน ถือเป็นโอกาสของไทย ถ้าสามารถร่วมพลัง เปลี่ยนโอกาสเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ข้างหน้าได้

+++กรณีค่าเงินบาทอ่อนค่า เป็นไปตามทิศทางการไหลเข้าออกของเงินทุน ซึ่งเงินบาทจะอ่อนหรือแข็งก็เป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ต้องดูแลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ค่าเงินบาทที่อ่อนลงก็เป็นผลดีต่อภาคการส่งออก และสินค้าเกษตรเมื่อขายไปยังต่างประเทศเมื่อแปลงกลับมาเป็นเงินบาทก็จะได้มูลค่าเพิ่มขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ปรับเป้าการส่งออกเพิ่มขึ้นจาก เป้าเดิมที่กระทรวงพาณิชย์วางไว้ที่ร้อยละ 8

+++นายสมคิด ขอให้ปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคใหม่ มีความท้าทายด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นสิ่งที่กังวลมากสุด หากใครไม่เปลี่ยนตามจะลำบาก ขณะนี้รัฐบาล พยายามเร่งลงทุนดิจิทัลและอินฟราสตักเจอร์ ซึ่งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกัน

+++สถานการณ์ราคาน้ำมัน นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวเป็นขาขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน และตัดสินใจคว่ำบาตรอิหร่าน ครั้งใหม่ ส่งผลให้ราคาเฉลี่ย 4 เดือนของปี 2561 น้ำมันดิบเบรนต์อยู่ที่ 73-74 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ราคาพลังงานเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี เฉลี่ยร้อยละ 4.7 สินค้ากลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ส่งผลให้เงินเฟ้อของไทยเริ่มสูงขึ้น

+++ด้านนายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า เดิมมีการคาดการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกปีนี้เฉลี่ยจะอยู่ที่ 65-70 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ถ้าระดับราคาน้ำมันยังสูงต่อเนื่องไปจนถึง 80 ดอลลาร์/บาร์เรล จะทำให้ราคาขายปลีกในประเทศปรับเพิ่มขึ้นไปอีกลิตรละ 2 บาท

+++การตรวจสอบเรื่องเงินทอนวัด หลังจากกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(ป.ป.ท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งมาให้ตรวจสอบ นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ กำลังตรวจสอบสำนวน เอกสาร หลักฐาน แต่ไม่ระบุชัดว่าการส่งข้อมูลล่าสุด มีพระผู้ใหญ่เกี่ยวข้องการการทุจริตเงินทอนวัดเพิ่มขึ้นหรือไม่ จากเดิมที่ส่งมามีจำนวน 7 รูป  

+++การตรวจสอบทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและคนไร้ที่พึ่ง ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพม. เปิดเผยว่า คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง ซึ่งมีนายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็นประธาน ยังไม่ได้แจ้งรายชื่อข้าราชการว่ามีใครบ้างที่ถูกสอบทางวินัยและพบผิดวินัยร้ายแรง นอกเหนือจากอดีตปลัดและรองปลัด พม. แจ้งแต่เพียงจำนวนผู้เกี่ยวข้องที่มีการแจ้งข้อหาคือ 11 คน ซึ่งในจำนวนนี้รวมอดีตปลัด และรองปลัดด้วย และกันไว้เป็นพยาน 15 คน ซึ่งในส่วนพยาน อาจลงโทษสถานเบากว่า 11 คนที่แจ้งข้อหา เพราะถือว่าได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

+++พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการป.ป.ท.เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง เพิ่มอีก 4 จังหวัด คือ จ.ชัยนาท นครนายก ระยอง และอุดรธานี รวมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 28 คน หากรวมกับก่อนหน้านี้ ที่ บอร์ด ป.ป.ท.มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวน 48 จังหวัด จะเป็น 52 จังหวัด ส่วนเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเดิม 217 คน รวมกับ4 จังหวัดอีก 28 คน เป็น 245 คน

 +++กรณี ป.ป.ท.พบการทุจริตผ้าห่มกันหนาวแจกผู้สูงอายุที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.สิงห์บุรี พล.อ.อนันตพร กล่าวว่าขณะนี้เป็นการตั้งข้อสงสัยว่าผ้าห่มที่ซื้อมาถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ เพราะราคาสูงกว่าที่เคยจัดหา ซึ่งเป็นขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ยังไม่ได้กล่าวหาใครทุจริต เนื่องจาก หากซื้อในจำนวนน้อย และมีการประกวดราคาถูกต้องก็เป็นไปตามขั้นตอน แต่ต้องดูว่าคุณสมบัติของผ้าห่มที่ซื้อมาดีหรือไม่ ตรงตามสเปกที่กำหนดหรือไม่ กำลังดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงควบคู่กับป.ป.ท.หากผิดก็จะลงโทษ หากไม่ผิดก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ 

+++ส่วนที่ทำเนียบ 10.00 น. พลเอกประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ส่วนช่วงบ่าย นายกฯ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การเชื่อมโยงข้าว กข.43 และผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าว  พร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการเกี่ยวกับการจัดงาน  ตึกสันติไมตรี

แฟ้มภาพ