สมคิด พร้อมทำงานร่วมกับมาเลเซีย/ผู้ว่าฯสระแก้ว ปัดเชิญนายกฯ เปิดด่านผ่านแดนถาวร/หุ้นไทย ร่วงมีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน

+++นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและมาเลเซีย มีมาอย่างยาวนาน ดังนั้น การที่ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งและได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย เชื่อว่า ไทยจะเจริญความสัมพันธ์กับมาเลเซียต่อไปได้ เพราะยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใด ๆ โดยไทยพร้อมจะทำงานร่วมกับมาเลเซีย

+++ความคืบหน้าคดีนาฬิกาหรูของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า สอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว รวมทั้งทายาทของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เพื่อนของพลเอกประวิตร ที่ได้ชี้แจงมาแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่ามีการยืนยันการเป็นเจ้าของนาฬิกาหรือไม่ ส่วนจะเรียกสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ เพราะต้องรอดูผลการชี้แจงของตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาอีกครั้งหนึ่งก่อน ยังคงรอเอกสารยืนยันหมายเลขตัวเรือนของนาฬิกาจากผู้จำหน่ายนาฬิกาอยู่ ซึ่งป.ป.ช. จะเร่งรัดให้เอกชนส่งหลักฐานมายอมรับว่า อาจเสร็จไม่ทันภายในเดือนนี้ และอาจจะใช้เวลาอีก 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับการชี้แจงของตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา การทำงานไม่ได้ชะงัก แต่การตรวจสอบจะต้องรอพยานหลักฐาน ป.ป.ช. รับเรื่องนี้ไปดำเนินการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560  

+++ในวันพรุ่งนี้ ป.ป.ช.จะเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเป็นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2561

+++กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องหนี้สิน 300 ล้านบาทของ พล.ต.อ.สมยศ ป.ป.ช.ก็ต้องตรวจสอบดูว่ามีการแจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินดังกล่าวหรือไม่ ถือเป็นการตรวจสอบตามขั้นตอนปกติ แต่หาก พล.ต.อ.สมยศมีการชำระหนี้ไปแล้วหนี้สินดังกล่าวก็จะไม่ปรากฏในบัญชี แต่ป.ป.ช. ก็จะต้องไปตรวจสอบในรายละเอียดด้วยว่าการที่มูลหนี้ดังกล่าวลดลงเป็นการนำเงินจากไหนมาชำระ หากพบว่าตัวเลขในบัญชีทรัพย์สินไม่สัมพันธ์กันก็ต้องตามตรวจสอบต่อไป

+++การชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง 22 พ.ค. เพื่อเรียกร้อง 3 ข้อคือให้เลือกตั้งเดือน พ.ย. 2561 ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ลาออกและกองทัพยุติการสนับสนุนคสช.พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า เรื่องที่เรียกร้องรัฐบาลดำเนินการอยู่แล้ว ไม่อยากให้มีการเดินขบวนเพราะจะเป็นการรบกวนประชาชน  และมีโอกาสเรื่องการฉวยโอกาสจากมือที่สาม รัฐบาล พยายามป้องกันและจะดำเนินการให้ดีที่สุด ไม่ให้มีการทำผิดกฎหมาย และสอดส่องอยู่เรื่องคนที่อยู่เบื้องหลัง

+++นายพรพจน์ เพ็ญพาส ผวจ.สระแก้ว กล่าวถึง กระแสข่าวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.เตรียมลงพื้นที่จ.สระแก้ว โดยจะเป็นประธานเปิดด่านผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน ว่า ก่อนหน้านี้ได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าฯ จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา เพื่อดำเนินการ เปิดด่านผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ในวันที่ 18 พ.ค.นี้ เพราะถือเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี จึงเห็นชอบร่วมกันว่าจะเชิญผู้บริหารระดับสูงจากส่วนกลางมาเป็นประธานเปิดอย่างเป็นทางการ แต่ยืนยันไม่ได้มีการเชิญนายกฯ เพราะอาจติดขัดในเรื่องกำหนดการนัดหมาย จึงมีความเป็นไปได้ที่รองนายกฯ และรัฐมนตรี ร่วมถึงแม่ทัพภาคจะมาร่วมแทน

+++มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่ จังหวัดสระแก้ว ในวันที่ 18 พ.ค.นี้ โดยจะเป็นประธานเปิดด่านผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน

+++หลังจากที่ ราคาน้ำมันในตลาดโลก ปิดตลาดในวันพุธ 9 พ.ค. พุ่งแรงแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง เพราะกังวลสหรัฐฯกลับมาคว่ำบาตรอิหร่าน หลังถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 2.08 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 71.14 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 2.36 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 77.21 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

+++มีรายงานระบุว่า ผู้ค้าน้ำมัน แจ้งว่า จะมีการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด 60 สตางค์ต่อลิตร เว้นE 85 ขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตร มีผลเวลา 05.00 น. วันที่11 พ.ค. หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขยับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง จากประเด็นดังกล่าว ทำให้นักลงทุน กังวลความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางและอุปทานที่อาจจะตึงตัวจากการส่งออกน้ำมันของอิหร่านถ้าถูกคว่ำบาตรรอบใหม่  

+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ที่ระดับ 1,746.89 จุด ลดลง 10.01 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,139.37 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทย ภาคบ่ายร่วงกว่า 10 จุด โดยหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,750 จุด นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า มีแรงเทขายหุ้นกลุ่มโรงกลั่น จากความกังวลค่าการกลั่นที่อาจปรับลดลง ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ คืนนี้ และติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป

+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีฮั่งเส่ง ฮ่องกง โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลก ปรับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 71 ดอลลาร์/บาร์เรล ดัชนีฮั่งเส็ง เพิ่มขึ้น 273.08 จุด ปิดที่ 30,809.22 จุด

+++ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดบวก 88.30 จุด ปิดที่ 22,497.18 จุด เนื่องจาก นักลงทุนขานรับตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ รวมทั้งรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทญี่ปุ่น

+++บีเอ็มดับเบิ้ลยู ประกาศเรียกคืนรถยนต์จำนวน 312,000 คัน ในสหราชอาณาจักร หลังจากเกิดอุบัติเหตุเครื่องยนต์ดับ ขณะขับขี่ (BMW 1 Series, 3 Series, Z4, X1) ทั้งเบนซินและดีเซล ในระหว่างเดือนมีนาคม 2550-สิงหาคม 2554 ก่อนหน้านี้ บีเอ็มดับเบิ้ลยู ได้เรียกคืนรถยนต์เบนซิน 36,410 คัน แต่ยังพบปัญหาที่คล้ายกันในรถยนต์ที่ไม่ได้รับการคุ้มครองจากการเรียกคืนครั้งแรก ผู้ผลิตรถยนต์เยอรมัน เริ่มการเรียกคืนรถยนต์ ตั้งแต่มีอุบัติเหตุเมื่อปี 2559 เนื่องจาก ปัญหาระบบไฟฟ้าทำให้ไฟเบรคล้มเหลวและทำให้รถหยุดนิ่ง มีการคาดการณ์ว่า ข้อผิดพลาดที่อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น โดยเมื่อปีที่แล้ว บีเอ็มดับเบิ้ลยู เรียกคืนรถยนต์ในอเมริกาเหนือ เนื่องจาก ระบบไฟและเครื่องปรับอากาศที่อาจทำให้เกิดไฟไหม้ 

แฟ้มภาพ