สรุปข่าว 19.35น. นายกฯชวนไปเลือกตั้ง/คสช.ลาออกไม่ได้/หุ้นไทยลดลง19จุด

08 พฤษภาคม 2561, 19:22น.


สรุปข่าว 19.35 น.



+++หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์  วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี   และคณะ เดินทางไปเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยววิถีไทย (Homestay) บ้านสนวนนอก ต.สนวน อ.ห้วราช  จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชุมชนโบราณ ที่ดำรงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ตามแบบวิถีชุมชนเขมร และมีการจัดการด้านการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ จ.บุรีรัมย์ 



+++ก่อนเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  รู้สึกดีใจ ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ถือเป็นกำลังใจให้กับรัฐบาลในการที่จะสานต่องานของรัฐบาลที่ได้ดำเนินการไป และยืนยันว่า วันนี้มีความสุข แม้อากาศจะร้อน แต่สามารถทนได้ เพราะเห็นรอยยิ้มของทุกคน โดยเฉพาะรอยยิ้มที่ไม่ต้องการอะไรจากใคร และรู้ความต้องการของประชาชน   ขณะที่ ชาวบ้านอวยพรให้นายกรัฐมนตรีอยู่นานๆ  เพราะไม่มีใครทำให้บ้านเมืองสงบได้เช่นนี้ จึงขอเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรีทำงานต่อไปอีก



+++พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการ สมช. ขอความร่วมมือไปยังกลุ่มคนอยากเลือกตั้งว่าอย่าให้เกิดความรุนแรงระหว่างเดินทางมาทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 22 พ.ค. ย้ำเงื่อนไขที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งเรียกร้อง หลายเรื่องรัฐบาลพยายามดำเนินการอยู่ เช่น เรื่องการจัดการเลือกตั้งที่ต้องดำเนินการโรดแมป ส่วนการให้ คสช. ลาออกคงเป็นไปไม่ได้ เพราะคสช.เป็นเครื่องมือสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล จะให้ลาออกได้อย่างไร



+++พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.  กล่าวว่า ตำรวจจะยึดแนวทางปฏิบัติภายใต้ พ.ร.บ.การชุมนุม และคำสั่ง คสช.ที่ 3 ควบคู่กับไป โดยเตรียมแผนหลักและแผนรอง ไว้รับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับ ไม่มีอำนาจสั่งห้ามหรือยับยั้งการชุมนุม แต่ส่วนตัวมองว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีความจำเป็นที่จะเคลื่อนขบวนออกจาก ม.ธรรมศาสตร์ เพราะจะเกิดผลกระทบการจราจร ส่วนการควบคุมดูแลจะทำตามสถานการณ์เกิดขึ้น หากพบว่ามีการละเมิดข้อห้ามชุมนุม ใกล้กับเขตพระราชฐานในรัศมี 150 เมตร ตนจะออกมาควบคุมด้วยตนเอง พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด



+++พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา ว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ขอบคุณที่ กกต. ไว้วางใจ หลังได้รับทราบมติได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็จะทำงานให้เต็มที่ โดยภารกิจสำคัญเร่งด่วนในขณะนี้ จะเร่งรัดแก้ระเบียบการปฏิบัติงานต่าง ๆ เพื่อรับกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น เนื่องจากกฎหมายมีการเปลี่ยนแปลงในหลายประเด็น รวมทั้งจะเร่งอบรมพนักงานเพื่อให้เกิดความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายใหม่ เช่น การไต่สวน การจ่ายสินบนรางวัล การคุ้มครองพยาน การอำนวยความสะดวกให้พรรคการเมืองให้ปฏิบัติตามกฎหมายพรรคการเมืองได้อย่างถูกต้อง เพื่อนำไปสู่ระดับความเป็นสถาบันอย่างแท้จริง สร้างเสริมวัฒนธรรมการเมืองแบบประชาธิปไตยเพื่อระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์



+++นายวัฒนา  เมืองสุข  อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ อัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริต นัดให้มารับทราบคำสั่งฟ้องและเตรียมนำตัวยื่นฟ้องคดีทุจริตการอนุมัติโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติว่า ในเวลา 09.00 น. โดยจะเดินทางไปพบอัยการตามที่นัดไว้ หลังจากนั้นจะพาตัวมายื่นฟ้องที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งตนเตรียมหลักทรัพย์ไว้รอยื่นประกัน จะไม่เลื่อนอัยการพร้อมจะไปพบตามนัดหมาย



สำหรับคดีนี้ อัยการนัดให้ผู้ถูกกล่าวหา 19 ราย มาพบที่ห้องประชุม 501 ณ อาคารสำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ ในวันที่ 9 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. หลังจากนั้นจะนำตัวผู้ถูกกล่าวหาพร้อมสำนวน เอกสารหลักฐานต่าง ๆ ในคดีที่เริ่มต้นในชั้น คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และรับช่วงต่อมาถึง ป.ป.ช. ไปยื่นฟ้องยังศาลฎีกาฯ ถ.แจ้งวัฒนะ ในวันเดียวกัน  



+++นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้ปรับเป้าหมายการส่งออกข้าวไทยปีนี้ เป็น 10 ล้านตัน จาก 9.5 ล้านตัน หลังจากการส่งออกข้าวของไทยขยายตัวและประเทศต่าง ๆ มีความต้องการข้าวอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 4 เดือนแรกจนถึงวันที่ 17 เมษายนไทยส่งออกข้าวสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลกประมาณ  3,310,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1,862 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าประเทศคู่แข่งอย่างอินเดีย เวียดนาม และปากีสถาน โดยข้าวส่งออกมากที่สุด คือ ข้าวขาว คิดเป็นร้อยละ  48.74 รองลงมาเป็นข้าวนึ่งร้อยละ  27.70 และข้าวหอมมะลิร้อยละ 16.19 โดยราคาส่งออกข้าวไทยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและข้าวหอมมะลิยังคงอยู่ในระดับสูงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,150 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันโดยไทยยังคงมีการส่งมอบข้าวให้สาธารณรัฐประชาชนจีนแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี งวดที่ 5 อีกกว่า 100,000 ตัน คาดว่าจะส่งมอบเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้  และไทยยังชนะการประมูลข้าวแบบจีทูจีกับฟิลิปปินส์ที่เปิดประมูล 250,000 ตัน โดยไทยสามารถประมูลได้ 120,000 ตัน เป็นข้าว 25% ขณะเดียวกันยังสามารถชนะประมูลข้าวอินโดนีเซียอีกกว่า 200,000 ตัน ทำให้เชื่อว่าการส่งออกข้าวของไทยจะดีขึ้น และราคาจะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน



+++น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท.ได้ประเมินภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดต่างประเทศปีนี้ใหม่ ซึ่งมีหลายปัจจัยบวกทั้งจากเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าหลักและตลาดรองที่ฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้การส่งออกของไทยยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเดือนมีนาคมมีมูลค่าส่งออกถึง 22,363  ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ไตรมาสแรกปี 2561 มีมูลค่าส่งออกรวม 62,829 ล้านดอลลาร์สหรัฐขยายตัวร้อยละ 11.3 จึงเชื่อว่าภาพรวมการส่งออกช่วงที่เหลือจะส่งผลให้ปีนี้การส่งออกน่าจะขยายตัวถึงร้อยละ 8 ซึ่งเป็นเป้าหมายเท่ากับกระทรวงพาณิชย์ จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวได้เพียงร้อยละ 6 



+++แต่สิ่งที่ยังคงต้องติดตามปัจจัยจากค่าเงินบาทแข็งค่าที่เริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกในรูปของเงินบาท ที่ในเดือนมีนาคมมีมูลค่ารวม 697,074 ล้านบาท ลดลงถึงร้อยละ 4 ซึ่งจะมีผลกระทบต่อผลประกอบการของผู้ส่งออก แต่ขณะนี้ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนตัวลง และอยู่ที่ 31.7 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ยังอยู่ในสมมติฐาน 31.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งยังมีปัญหาความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน



+++ประเด็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม-ลดน้ำหนักที่โฆษณาผ่านสื่อโซเชียล สื่อโทรทัศน์ โดยเฉพาะบางผลิตภัณฑ์ ใช้ดารานักแสดงชื่อดังเป็นพรีเซนเตอร์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือหรือมีดารานักแสดงที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ นายสง่า ดามาพงษ์ นักโภชนาการ กล่าวว่า อาหารเสริม-ลดน้ำหนักเกือบร้อยละ 99.99 มีสารอาหารไม่ครบถ้วนตามคำโฆษณาชวนเชื่อและสารที่ระบุว่าอยู่ในผลิตภัณฑ์นั้น ก็ไม่สามารถทดแทนสิ่งที่ผู้บริโภคได้จากการรับประทานอาหาร ผัก ผลไม้จริง ซึ่งทางออกดีที่สุด คือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายวันละ30-45 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน  ส่วนกรณีที่ผลิตภัณฑ์มีการขอเลขสารบบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างถูกต้องนั้น อยากให้มองแยกเป็น 2 ประเด็น คือส่วนของผู้ผลิตที่ต้องมีความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค ด้านผู้บริโภคก็ต้องหาคำตอบให้ได้ว่ากินแล้วได้อะไร สิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุหรือไม่ มิเช่นนั้นสังคมก็จะมีกรณีตัวอย่างแบบนี้ให้ได้เห็นอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า 



+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 1,760.25 จุด ลดลง 19.55 จุด มูลค่าการซื้อขาย 61,224.79 ล้านบาท ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ รับแรงขายจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีที่ปรับตัวลดลงกดดันตลาด โดยมีปัจจัยมาจากทางสหรัฐฯที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจที่จะประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและใช้มาตรการคว่ำบาตรหรือไม่ ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้



+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกในวันนี้ แต่แรงบวกของดัชนีนิกเกอิได้ถูกจำกัดลง เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะตัดสินใจเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน ดัชนีนิกเกอิปิดบวก 41.53 จุด ที่ 22,508.69 จุด



+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล ดัชนีฮั่งเส็งพุ่งขึ้น 408.55 จุด ที่ 30,402.81 จุด

ข่าวทั้งหมด

X