การจัดทำร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ เพื่อปฏิรูปตำรวจ นาย มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ใกล้เสร็จในชั้นหลักการแล้ว คาดว่าใช้เวลาไม่นาน เมื่อร่างหลักการเสร็จก็จะลงรายละเอียดในตัวกฎหมาย เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าจะต้องแก้กฎหมายเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายฉบับ รวมทั้งต้องร่างกฎหมายพิเศษใหม่ขึ้นมา เพื่อช่วยสร้างกลไกให้พนักงานสอบสวนไม่ต้องดำเนินการตามกรอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือป.วิอาญา ที่จะทำให้ประชาชนสามารถไปแจ้งความที่สถานีตำรวจใดก็ได้ ต่างจากเดิมที่แจ้งได้เฉพาะในท้องที่ที่เกิดเหตุ รวมทั้งจะบัญญัติให้ลดภาระบางอย่างของตำรวจลง เช่น ยกเลิกการแจ้งความกับตำรวจในกรณีทำซิมโทรศัพท์หายแล้วจะขอซิมใหม่ โดยโอนไปให้ฝ่ายอื่นทำแทน ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของตำรวจเร็วขึ้น และประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกมากขึ้น
ส่วนการกระจายอำนาจของตำรวจ เบื้องต้นมีแนวคิดแบ่งสายงาน แยกจากกันให้ชัดเจน ทั้งปราบปราม, การสืบสวนสอบสวน เพื่อให้ตำรวจมีอิสระมากขึ้น และไม่ต้องรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา นายมีชัย ย้ำว่า การสืบสวนสอบสวนคงแยกออกจากกันไม่ได้ และจะให้มีผู้ช่วยมาช่วยทีมสอบสวนด้วย
รวมถึงจะยกเลิกตำรวจรถไฟที่มีอยู่ขณะนี้ราว 1,000 กว่าคนทั้งหมด แต่หากเกิดเหตุร้ายบนรถไฟก็ให้แจ้งกับสถานีตำรวจที่สะดวกที่สุดแทน เช่นเดียวกับงานจราจร ก็จะแบ่งให้ท้องถิ่นรับไปทำทั้งหมด เพราะมองว่าตำรวจไม่ควรไปเสียกำลังในส่วนนี้ โดยจะบัญญัติหลักการและรายละเอียดต่างๆลงไปในร่างกฎหมาย คาดว่าจะบัญญัติให้กรุงเทพมหานครนำร่องใช้ก่อน ตามมาด้วยท้องถิ่น แต่ในส่วนเทศบาลอาจต้องใช้เวลา 2-3 ปี ในการถ่ายโอนอำนาจงานจราจร เบื้องต้นได้มีการพูดคุยกับท้องถิ่นแล้ว และได้รับได้กับหลักการนี้ ส่วนหากเกิดข้อสงสัยไม่ชอบมาพากล ก็จะให้อัยการเข้ามาช่วยสืบสวนสอบสวนด้วย
นาย มีชัย ระบุว่าแม้จะมีการยุบหน่วยงานและกระจายอำนาจตำรวจ แต่จะไม่ทำให้อำนาจและงบประมาณประจำปีของตำรวจลดลงไป ส่วนตัวเชื่อว่าจะทำให้ภารกิจที่ไม่จำเป็นของตำรวจหมดลงไป รวมทั้งกระบวนการต่างๆก็จะเปลี่ยนไป แต่ไม่อาจตอบได้ว่าหลังพ้นจากอำนาจหน้าที่ของชุดตัวเองแล้ว ผลจะเป็นเช่นไร ส่วนตัวทำเท่าที่จะแก้ให้ได้ในระยะสั้น ส่วนระยะยาวคงต้องไปว่ากันอีกไกล ยอมรับว่าแนวคิดของชุดตัวเองส่วนหนึ่งมาจากชุดของพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ และยืนยันว่าไม่เคยกล่าวว่าแนวคิดพล.อ.บุญสร้าง มีความเกรงใจตำรวจ แค่มองว่าแนวคิดยังไปไม่สุดเท่านั้น
นาย มีชัย ยังปฏิเสธตอบคำถามกรณีที่หลายฝ่ายออกมาท้วงว่าการเดินทางไปพบอดีตสองนายกรัฐมนตรีของแกนนำพรรคเพื่อไทย จะเข้าข่ายยุบพรรคได้หรือไม่ รวมถึงปฏิเสธตอบคำถามเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งใหม่ที่จะมีโอกาสทำให้พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งได้คะแนนแบบแลนด์ สไลด์ได้หรือไม่ โดยระบุสั้นๆว่าขอไม่ตอบ แต่ในรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามไว้