กรณีที่นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีประจำกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ถูกดำเนินคดีเรียกรับผลโยชน์ การรับผลประโยชน์ และการแก้ไขทีโออาร์จากโครงการบ้านเอื้ออาทร
นายวัฒนา เปิดเผยว่าคดีนี้เป็นเรื่องทางการเมืองที่มุ่งเป้ามาที่ตนเอง โดยพบข้อพิรุธการดำเนินคดีหลายอย่าง คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2549 ภายหลังเกิดการรัฐประหาร ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ได้มีการตรวจสอบ และส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดเพื่อฟ้องนายวัฒนาและพวกตั้งแต่กลางปี 2551 แต่อัยการสูงสุดเห็นว่าสำนวนยังไม่สมบูรณ์จึงมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างอัยการสูงสุดและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) เพื่อไต่สวน รวมระยะเวลาเกือบ 12 ปี อัยการจึงฟ้องคดีในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ มองว่า ความล่าช้าที่เกิดขึ้นเกิดจากความไม่สมบูรณ์ของข้อเท็จจริงเพราะนายวัฒนาไม่มีความผิด โดยยืนยันว่า การแก้ไขปรับปรุงทีโออาร์ก็เพื่อผลประโยชน์และแก้ไขข้อบกพร่องของโครงการ ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จและไม่เคยสร้างความเสียหายแก่รัฐมาจนถึงขณะนี้ นอกจากนี้ยังยืนยันด้วยว่าไม่ได้เรียกทรัพย์ผลประโยชน์ในที่ประชุมตามที่กล่าวอ้าง และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ยังไม่พบความเชื่อมโยงมาที่ตนเอง
นายวัฒนากล่าวด้วยว่าในคดีนี้ ปปช.ได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดโดยไม่มีการแถลงข่าวถึงมติของปปช.และไม่มีการลงประกาศหน้าเว็บของ ปปช. เพราะเจ้าของสำนวนไม่ต้องการให้ตนเองทราบ เกรงว่าจะมาร้องขอความเป็นธรรม และจะทำให้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดไม่ได้ จึงมองว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักนิติธรรมเนื่องจากความผิดตามมาตรา148 มีโทษถึงประหารชีวิตจึงเป็นสิทธิ์ของกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาที่จะขอความเป็นธรรม
นายวัฒนาย้ำว่า มีความมั่นใจในความบริสุทธิ์และพร้อมที่จะต่อสู้คดี แม้ไม่ได้ต่อสู้คดีภายใต้กระบวนการยุติธรรมตามปกติ ซึ่งขณะนี้ทางฝ่ายกฎหมายและทีมทนายกำลังเตรียมหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัวในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ หลังจากอัยการจะนำตัวไปส่งฟ้องที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นายวัฒนายังกล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบนายทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ประเทศสิงคโปร์ระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคมว่า ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายเพราะไม่ได้เบิกเงินหลวงไป แต่ไปพบและไปทานข้าวด้วยกันเพราะความเคารพกันเท่านั้น โดยมองว่าเรื่องนี้ไม่สามารถนำไปสู่ความผิดถึงขั้นการยุบพรรคได้
...
ผสข.ปิยะธิดา เพชรดี