*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30
+++ข้อเสนอของรักษาการผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ (รยส.) เตรียมเสนอให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พิจารณาให้โรงงานยาสูบต้องส่งงบประมาณเข้าคลัง แทนการจัดสรรให้ สสส. และไทยพีบีเอส เพื่อให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เข้าไปตรวจสอบได้ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เปิดเผยถึง ว่า สสส.เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 ซึ่งกลไกการตรวจสอบตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา จะต้องส่งข้อมูลการดำเนินงานให้ สตง. พิจารณาตรวจสอบโดยตลอดอยู่แล้ว แนวคิดของรักษาการผู้อำนวยการ รยส. หากมองในฐานะหน่วยงาน ก็อาจจะออกมาแสดงความเห็นได้ แต่ในส่วนงานที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับข้อเสนอ โดยให้เหตุผลที่ขาดน้ำหนัก และคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงนั้น ก็คงต้องพิจารณาว่าจะเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ที่น่าสังเกตว่าหลังจากที่ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีข้อเสนอให้มีการนำเงิน ร้อยละ 2 จากภาษีสุราและยาสูบ มาจัดตั้งเป็นกองทุนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในประเทศ ก็ทราบว่า มีขบวนการที่พยายามเคลื่อนไหวส่งข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและให้ร้ายการทำงานของ สสส. อยู่ตลอดเวลา ไม่แน่ใจว่าเป็นเจตนาจากผู้เสียประโยชน์ หากกำหนดให้มีการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นหรือไม่
+++คดีจำนำข้าว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแต่งตั้งผู้แทนคณะกรรมการ ป.ป.ช. 10 คน เป็นคณะทำงานร่วมระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. และ อสส. โดยมีนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการปปช.เป็นหัวหน้าคณะทำงานผู้แทน ป.ป.ช. หลังแต่งตั้งคณะทำงานร่วมแล้วจะได้ประชุมคณะทำงานร่วม เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์และรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์แล้วส่งให้ อสส.เพื่อฟ้องคดีต่อไป แต่หากไม่อาจหาข้อยุติได้ ป.ป.ช.มีอำนาจฟ้องคดีเองหรือแต่งตั้งทนายความให้ฟ้องคดีแทน
+++นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า จากการสอบถามข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมหลักฐานเพื่อใช้ประกอบการพิจารณากรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ละเลยหน้าที่ทำให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้ผลวิจัยของทีดีอาร์ไอนั้น ได้รับการชี้แจงว่า ป.ป.ช.นำผลวิจัยของทีดีอาร์ไอเกี่ยวกับโครงการจำนำข้าวในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีมาใช้โดยบทวิจัยดังกล่าว ป.ป.ช.เป็นผู้ว่าจ้าง
+++โดยในสัปดาห์หน้าจะเปิดเผยบทวิจัยการทุจริตโครงการจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับสำนวนของ ป.ป.ช. ซึ่งรัฐบาลรับซื้อข้าวจากชาวนารวมประมาณ 54 ล้านตัน ใช้เงินนอกงบประมาณ ด้วยการกู้จากสถาบันการเงินของรัฐ ไม่ได้ผ่านรัฐสภา รวมตลอดโครงการรวมประมาณ 985,000 ล้านบาท พบว่า ผลประโยชน์ที่ตกอยู่กับกลุ่มบุคคลต่างๆ ในสังคม จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือก 5 ฤดูกาลที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 540,000 ล้านบาท แบ่งเป็นชาวนาได้ประมาณ 297,000 ล้านบาท แต่ผู้ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่เป็นชาวนาขนาดกลางและขนาดใหญ่ ผู้บริโภคได้ประโยชน์ประมาณ 138,000 ล้านบาท พ่อค้าพรรคพวกนักการเมืองได้ประโยชน์ ประมาณ 84,000 ล้านบาท โรงสีได้ประโยชน์ประมาณ 54,000 ล้านบาท โกดังเก็บข้าวได้ประโยชน์ประมาณ 9,600 ล้านบาท และผู้สำรวจคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) ได้ประโยชน์ 2,200 ล้านบาท เมื่อนำผลประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าวทั้งหมด 540,000 ล้านบาท มาหักลบกับต้นทุนของที่สังคมไทยต้องจ่ายไปจากการทำโครงการนี้ เช่น รัฐขาดทุนจากการซื้อข้าว การส่งออกข้าวของประเทศไทยลดลง สังคมไทยขาดทุนจากการจัดทำโครงการรับจำนำข้าวรวมประมาณ 120,000 ล้านบาท และนี่คือความสูญเสียของสังคม
+++ในอนาคตหากมีการเลือกตั้งแล้ว มองว่าโครงการนโยบายประชานิยมในลักษณะนี้ยังมีโอกาสกลับมาแน่ ดังนั้นจะต้องออกแบบประเทศเพื่อป้องกันปัญหา ในทางปฏิบัติควรมีกฎหมายกำหนดให้รัฐบาลที่จะใช้นโยบายประชานิยม จัดทำ พระราชบัญญัติตั้งงบประมาณพิเศษ เป็นรายปี เพื่อรายงานสถานะการใช้เงินของแผ่นดิน เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ
+++อินเดีย พร้อมเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปเยือนในโอกาสแรกที่ทั้ง 2 ฝ่ายสะดวก นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย จะเดินทางเยือนไทย ในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อร่วมพิธีเปิดนิทรรศการ ที่สถานทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย จัดขึ้น เพื่อเฉลิมฉลองปรัชญาพัฒนาประเทศ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร่วมกับปรัชญาพัฒนาประเทศ ของ มหาตมะคานธี รวมทั้งอาจจะประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทยอินเดีย ในช่วงเดียวกันนี้ด้วย
+++ส่วนปลายเดือนนี้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้จะเดินทางไปร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นจีเอ ครั้งที่ 69 ในปลายเดือนก.ย.นี้ และจะใช้โอกาสนี้ชี้แจงสถานการณ์ของไทยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติ
+++วันนี้ รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณบดีมม.ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ ที่มม.ศาลายา จะเอาปี๊บคลุมหัวเข้าร่วมการประชุม เพื่อเรียกร้องให้ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน ลาออกจากตำแหน่งอธิการบดีมม.มหิดล เพื่อจะได้มีเวลาไปนั่งบริหารงานในฐานะรมว.สาธารณสุข (สธ.) อย่างเต็มที่
+++ปัญหาโครงการติดตั้งระบบเครื่องเสียงและไมโครโฟน ที่ติดตั้งภายในห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเฉพาะไมโครโฟน มีราคาแพงเกินจริงนั้น ล่าสุด นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาฯ ได้จัดทำข้อสรุปรายละเอียด รวมทั้งราคาของเครื่องเสียงและไมโครโฟน ส่งให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พม. และรองหัวหน้า คสช. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ กำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งรับผิดชอบโครงการนี้ ได้พิจารณาแล้ว และจะยังไม่มีการชี้แจงรายละเอียดใดๆ จนกว่า พล.ต.อ.อดุลย์ จะอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลได้ คาดว่าน่าจะรอผลสรุปของการต่อรองราคาอีกครั้งยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการจ่ายเงินล่วงหน้าร้อยละ 15 ให้กับ บ.อัศวโสภณ ตามที่ปรากฏเป็นข่าว เพราะยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญาจัดซื้อจัดจ้างกับผู้รับเหมา เนื่องจากยังอยู่ในช่วงของการต่อรองราคาให้ต่ำลงให้มากที่สุด
+++วันที่ 10 ก.ย.ของทุกปี ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา ถูกกำหนดให้เป็น "วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก" โดยปีนี้จะมีการรณรงค์ภายใต้แนวคิด "Suicide Prevention : One World Connected" (ทั่วโลกประสานใจ ป้องกันการฆ่าตัวตาย องค์การอนามัยโลก ได้ประมาณการไว้ว่า ในแต่ละปีจะมีผู้เสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายมากกว่า 8 แสนราย เฉลี่ย 1 คน ในทุกๆ 40 วินาที พบว่ามีเหตุปัจจัยร่วมที่สามารถใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานป้องกันได้ ซึ่ง หนึ่งในนั้น คือ ความรู้สึกผูกพันหรือการสานสัมพันธ์ของสังคม (Connectedness)มีการศึกษา พบว่า “สังคมที่แปลกแยกมาก” จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย
+++สำหรับประเทศไทยปี 2556 มีเพศชายฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่าผู้หญิง แต่ผู้หญิงเครียดกว่า คนไทยเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายมากกว่า 3,900 ราย เฉลี่ยเดือนละ 328 คน หรือวันละ 10-12 คน หรือ 1 คนในทุกๆ 2 ชั่วโมง ภาคเหนือ สูงสุดอยู่ที่ จ.ลำพูน ขณะที่การฆ่าตัวตายต่ำสุดจะอยู่ที่ภาคใต้ จ.ปัตตานี โดยช่วงอายุที่มีการฆ่าตัวตายมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 44 ปี อายุสูงสุดที่ฆ่าตัวตายคือ 105 ปี (จ.แม่ฮ่องสอน) และอายุต่ำสุดคือ 10 ปี (3 ราย คือ จ.นครปฐม สุรินทร์ สุราษฎร์ธานี) โดยวิธีที่นำมาฆ่าตัวตายมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 67 คือการแขวนคอ รองลงมาคือใช้ยากำจัดวัชพืช/ฆ่าแมลง และใช้ปืนตามลำดับ
+++หลวงปู่ธนวัฒน์สิริพิมโพ หรือ “หลวงปู่พิมพ์” อายุ 65 ปี พระเกจิชื่อดังภาคอีสาน เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ จะละสังขารในเวลา 21.00 น.วันที่9 กันยายนตรงกับวันคล้ายวันเกิด โดยหลวงปู่พิมจะเข้าไปนอนภาวนาในโลง ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างกุฏิภายในวัด และห้ามไม่ให้ใครมาเปิดโลงเด็ดขาด จนกว่าจะถึงวันที่ 11 กันยายน เวลาประมาณ 13.00 น. ค่อยนำร่างมาฌาปนกิจนั้นทำให้มีประชาชน และศิษยานุศิษย์จากทั่วทุกสารทิศ พากันเดินทางไปกราบไหว้หลวงปู่พิมเป็นครั้งสุดท้าย
++++นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.) ชัยภูมิ หารือกับเจ้าคณะปกครองว่า การที่พระสงฆ์ออกมาประกาศละสังขารเข้าข่ายอวดอุตริมนุษยธรรมหรือไม่ โดยปกติแล้ว หากพระรูปใดจะละสังขารส่วนใหญ่ ก็จะไม่มีการป่าวประกาศออกสื่อมวลชนหรือให้คณะลูกศิษย์ได้รับทราบ และต้องให้เจ้าคณะปกครองดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป