ความคืบหน้า คดีอุ้มบุญ นายก้อง สุริยมณฑล ทนายความของนายชิเกตะ มิตซึโตะกิ ชายชาวญี่ปุ่นวัย24ปี ที่ว่าจ้างหญิงไทยอุ้มบุญ เข้าชี้แจงและมอบเอกสารเกี่ยวกับคดีให้กับพลตำรวจโทก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีอุ้มบุญ พลตำรวจโทก่อเกียรติ เปิดเผยว่า ทนายความของนายชิเกตะ ได้ยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อขี้แจงข้อเท็จจริงและตอบประเด็นสงสัย ซึ่งขณะนี้การสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ยังเหลืออีก10ปาก และนายชิเกตะยังไม่จำเป็นต้องเดินทางมาให้ปากคำที่ประเทศไทย เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน แต่ส่วนตัวอยากให้เดินทางมาชี้แจงข้อสงสัยให้สื่อและประชาชนชาวไทยได้รับทราบมากกว่า
ด้านนายก้อง เปิดผยว่า วันนี้นำหลักฐาน ประวัติ ภูมิหลังข้อมูลการศึกษา แผนการดูแลเลี้ยงดูบุตร และเอกสารที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจงต่อเจ้าหน้ที่ตำรวจ และชี้แจงถึงเหตุผลที่นายชิเกตะต้องการมีบุตรจำนวนมากเพราะ อยากมีบุตรเยอะ ซึ่งทางพ่อแม่ของนายชิเกตะรับทราบและรู้สึกเอ็นดูหลานทุกคน
ขณะนี้นายชิเกตะ ยังมีบุตรที่เพิ่งคลอดที่จังหวัดเชียงรายและยังมีบุตรอยู่ในความดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อีก 3 คน โดยนายชิเกตะมอบหมายให้ทางทนายความทำหนังสือถึงกระทรวงว่าต้องการส่งพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลบุตรที่อยู่ในการดูแลของกระทรวง แต่กระทรวงได้ปฏิเสธ ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าทำไมนายชิเกตะต้องนำบุตรออกจากประเทศไทยไปยังประเทศกัมพูชาเป็นที่แรกนั้น เพราะว่านายชิเกตะมีธุรกิจอยู่ในหลายประเทศ
ทีมทนายความเปิดเผยว่า ขณะนี้นายชิเกตะอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ระหว่างประสานงานว่าจะเดินทางมาประเทศไทยได้เมื่อใด
ด้านนางปวีณา หงสกุล ประธาน “มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี”เปิดเผยว่า ได้ประสาน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอนัดหมายหารือในวันพรุ่งนี้ (10 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อหามาตรการช่วยเหลือ ให้ความปลอดภัยกับสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ได้ขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณาฯ เพราะเกรงว่าจะถูกคุกคาม กรณีภรรยาไปรับจ้างตั้งครรภ์ให้ชาวต่างชาติ โดยไม่ได้บอกสามี กระทั่งมาทราบภายหลัง เนื่องจากสามีเห็นผิดสังเกตขณะพาภรรยาตั้งครรภ์ 5 เดือน ไปโรงพยาบาลมักจะมีชาวต่างชาติมาคอยดูแล ล่าสุด ภรรยาถูกเอเย่นต์ที่รับงานจากชาวต่างชาติรายนี้บังคับให้ไปทำคลอดที่ต่างประเทศ และส่งคนมาติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด เบื้องต้นประสานไปยัง พ.ต.อ.สมบัติ หงษ์ทอง ผกก.สน.โคกคราม เพื่อให้ตรวจสอบบุคคลทั้งสามและพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานหนึ่ง