+++นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงข่าว ศิริราชปลูกถ่าย 3 อวัยวะ หัวใจ-ตับ-ไต สำเร็จในผู้ป่วยรายเดียว...ครั้งแรกในเอเชีย พร้อมด้วย นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการรพ.ศิริราช ,นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร รองผู้อำนวยการ รพ.ศิริราช ศัลยแพทย์ปลูกถ่ายตับและหัวหน้าทีมศัลยแพทย์ปลูกถ่ายอวัยวะ,นพ.ปรัญญา สากิยลักษณ์ ศัลยแพทย์ปลูกถ่ายหัวใจ ,นพ.ธวัชชัย ทวีมั่นคงทรัพย์ ศัลยแพทย์ปลูกถ่ายไต และพญ.ศรีสกุล จิรกาญจนากร อายุรแพทย์โรคหัวใจและปลูกถ่ายหัวใจ ร่วมด้วยนายรชานนท์ รุ่งสว่าง ผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ และนางโสภา รุ่งสว่าง มารดา
+++พญ.ศรีสกุล กล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้อายุ 26 ปี เป็นบุตรคนแรกจาก2 คน จบการศึกษาระดับปริญญาตรี แต่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้เนื่องจากความเจ็บป่วย ผู้ป่วยเริ่มเป็นโรคไตตั้งแต่อายุ 8 ขวบในระยะแรกสามารถรักษาด้วยยาและควบคุมอาการได้ ต่อมาการทำงานของไตแย่ลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นโรคไตวายระยะสุดท้ายในช่วงระดับอุดมศึกษาและได้รับการรักษาด้วยการฟอกเลือดมาตลอด ระยะหลังผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยง่ายแม้ออกแรงเพียงเล็กน้อย และแน่นท้อง ท้องโต จากการมีน้ำคั่งในช่องท้อง ซึ่งไม่ดีขึ้นหลังฟอกเลือดและการรักษาด้วยยา จำเป็นต้องได้รับการเจาะระบายน้ำในช่องท้องเป็นระยะๆ ต่อมาตรวจพบว่า ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจล้มเหลวจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง และภาวะตับแข็งจากภาวะหัวใจล้มเหลว จึงได้รับการส่งตัวมารักษาต่อที่คลินิกหัวใจล้มเหลว รพ.ศิริราช เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2560 เพื่อพิจารณาการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะหัวใจ-ตับ-ไต โดยผู้ป่วยได้รับการตรวจประเมินอย่างละเอียดตามมาตรฐานจากทีมแพทย์สหสาขา ผู้เชี่ยวชาญการปลูกถ่ายอวัยวะ เพื่อพิจารณาความพร้อมและข้อห้ามในการผ่าตัด จากนั้นทีมแพทย์ได้ประชุมวางแผนเพื่อเตรียมความพร้อมในการรักษาอย่างละเอียดก่อนลงมือปลูกถ่ายอวัยวะ
+++ขณะที่ นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดปลูกถ่าย หัวใจ ตับ และไตจากผู้บริจาครายเดียวเมื่อวันที่3ธ.ค.2560 การผ่าตัดดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือ การประสานงานและความพร้อมของทีมผู้รักษาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในขณะผ่าตัดและการดูแลหลังผ่าตัด เนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่ จึงต้องมีการวางแผนขั้นตอนการผ่าตัดล่วงหน้าอย่างรอบคอบ และการประสานงานระหว่างทีมที่ดี การผ่าตัดใช้เวลานานถึง 12 ชั่วโมง 5 นาที โดยเริ่มจากการปลูกถ่ายหัวใจ ตับ และไตเป็นอวัยวะสุดท้าย โดยในระหว่างผ่าตัด ความดันโลหิตและสภาพร่างกายทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของทีมวิสัญญีแพทย์อย่างใกล้ชิด หลังเสร็จสิ้นการผ่าตัด ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาต่อในหอผู้ป่วยวิกฤติ เพื่อพักฟื้น พบว่าหลังผ่าตัดวันแรก อวัยวะที่ปลูกถ่ายเริ่มทำงานได้ในระดับที่ดี ไม่พบการต่อต้านของหัวใจใหม่จากการตรวจชิ้นเนื้อหัวใจ การตรวจด้วยอัลตราซาวด์ตับ พบว่าตับมีเลือดมาเลี้ยงได้ดี ตับเริ่มมีการทำงานและขจัดของเสียของร่างกายได้ดี จากผลเลือดที่ตรวจเป็นระยะ ๆ อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตามในระยะแรกพบว่าไตใหม่ที่ปลูกถ่าย ยังทำงานได้ไม่ดีนัก แต่ในที่สุดก็เริ่มทำงานได้ดีขึ้นเรื่อย ๆปัสสาวะออกได้เป็นปกติ และผลการตรวจเลือด ค่าการทำงานของไตเป็นปกติ ผู้ป่วยได้รับการรักษาใน รพ.ศิริราช ตั้งแต่วันที่ 3ธ.ค.2560 จนถึงวันที่ 23 ก.พ.2561 รวมทั้งสิ้นเป็นเวลา 83 วัน พบว่าผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านโดยปลอดภัย และอวัยวะที่ได้รับการปลูกถ่ายทั้งหมด มีการทำงานเป็นปกติดี
+++คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เริ่มผ่าตัดปลูกถ่ายมากกว่า1 อวัยวะให้แก่ผู้ป่วยรายเดียว โดยเริ่มครั้งแรกในพ.ศ.2548 เป็นการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ-ไต ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จนถึงปัจจุบันได้ทำการปลูกถ่าย ไต-ตับอ่อน 10 ราย ตับ-ไต 8 ราย หัวใจ-ปอด 5 ราย และหัวใจ-ไต 2 ราย ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย
+++สำหรับการผ่าตัดปลูกถ่าย 3 อวัยวะ (หัวใจ-ตับ-ไต) ให้แก่ผู้ป่วยรายเดียว มีรายงานการผ่าตัดจากทั่วโลกน้อยมาก พบว่าตั้งแต่ปี 2532มีรายงานจำนวนการผ่าตัดเพียง 14 รายเท่านั้นในประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับในทวีปเอเชีย รวมถึงในประเทศไทย ยังไม่เคยมีรายงานการผ่าตัดปลูกถ่าย หัวใจ-ตับ-ไต มาก่อน ดังนั้นการผ่าตัดครั้งนี้ จึงถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยและทวีปเอเชีย
นพ.ประสิทธิ์ กล่าวสรุปว่า ที่สำคัญความสำเร็จในครั้งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากขาดซึ่งผู้บริจาคอวัยวะที่ร่วมทำบุญช่วยต่อชีวิตของผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งยังมีผู้ป่วยอีกจำนวนมากในประเทศไทย รวมถึงผู้บริจาคเงินเข้ากองทุนของโรงพยาบาลศิริราชทุกท่าน ที่ช่วยให้ผู้ป่วยทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยสามารถติดต่อบริจาคได้ทุกวันที่ ศิริราชมูลนิธิ ตึกมหิดลบำเพ็ญ ชั้น 1 โรงพยาบาลศิริราช โทร. 0 2419 7658-60
+++นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้ดำเนินการปลูกถ่ายอวัยวะตั้งแต่ พ.ศ.2516 ปัจจุบันได้ดำเนินการผ่าตัดปลูกถ่ายไต 1,298 ราย ผ่าตัดปลูกถ่ายตับ 321 ราย และผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจ 67 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 20 เม.ย. 2561) ซึ่งนับเป็นโรงพยาบาลที่มีการปลูกถ่ายอวัยวะมากที่สุดในประเทศไทย การปลูกถ่ายอวัยวะนั้นถือเป็นการรักษามาตรฐานสำหรับผู้ป่วยที่มีการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติและมีชีวิตยืนยาวขึ้น ส่วนใหญ่การผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ มักทำเพียง 1 อวัยวะ ให้แก่ผู้รับบริจาค1 ราย อย่างไรก็ตามในผู้ป่วยบางรายมีจำเป็นต้องได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะมากกว่า 1 อวัยวะ อาทิ ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว หรือภาวะตับวาย อาจมีภาวะไตวายร่วมด้วย เป็นต้น การผ่าตัดปลูกถ่ายมากกว่า 1 อวัยวะสำหรับผู้ป่วยรายนั้นจึงจำเป็นในการที่จะช่วยชีวิตของผู้ป่วยได้
+++นายเปรมชัย กรรณสูต ประธาน บ.อิตาเลียนไทย พร้อมทั้งพวกอีก 3 คน คือ นายยง โดดเครือ นายธานี ทุมมาศ นางนที เรียมแสน รวมทั้งทนายความ เดินทางมารายงานตัว ที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายผัดที่ 7 โดยเข้าไปในห้องพิจารณาคดีที่ 1 เพื่อสอบคำให้การว่าจะรับหรือปฏิเสธข้อหาที่อัยการฝ่ายโจทก์ได้ยื่นฟ้องมาทั้ง 6 ข้อหา จำเลยทั้ง 4 คน ได้ขึ้นไปบนชั้น 2 และเข้ารับฟังการพิจารณาคดีภายในห้องพิจารณาคดี 1 และการมารายงานตัวในครั้งนี้ ศาลจะสอบคำให้การ โดยอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยทั้งสี่ฟัง ว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ หากจำเลยทั้งสี่ยอมรับสารภาพตามข้อกล่าวหาที่ถูกฟ้อง ศาลก็จะสามารถดำเนินการตัดสินคดีได้เลย แต่หากจำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ศาลจะทำการนัดชี้สองสถาน เพื่อคุ้มครองสิทธิ และนัดพร้อมให้ฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลย ยื่นบัญชีพยานและนัดตรวจพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายเพิ่มเติม
+++นายเปรมชัย กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า มารายงานตัวต่อศาล โดยไม่ตอบข้อซักถาม ล่าสุด มีรายงานว่า ศาลให้ประกันตัวนายเปรมชัย กับพวก ห้ามออกนอกประเทศ นัดตรวจเอกสารหลักฐาน 21พ.ค.
+++การชุมนุมของกลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือพีมูฟ ที่ด้านหน้าองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) นายดิเรก กองเงิน แกนนำกลุ่มพีมูฟ เปิดเผยว่า วันที่ 2 พ.ค. ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากนโยบายรัฐด้านต่างๆ ประมาณ 2,000 คน จะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล ทวงถามการแก้ไขปัญหาทั้งเรื่องที่ดินทำกิน การบุกรุกที่ดินและพื้นที่วัฒนธรรมของชาวเล การออกเอกสารสิทธิทับที่ดินชาวบ้าน การไล่รื้อชาวบ้านในชุมชนเมือง เป็นต้น หลังจากวันที่ 30 มี.ค.ได้ไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบแล้ว เพื่อขอให้รัฐบาลจัดประชุมพิจารณาปัญหาต่างๆ ตามที่เคยยื่นไว้และมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาแล้ว แต่กลไกกลับไม่คืบหน้า
+++มีรายงานว่ากลุ่มดังกล่าวจะเคลื่อนขบวนไปที่ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาลและจะเคลื่อนไปที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อติดตามเรื่องโฉนดชุมชน
+++ติดตามการแถลงของนางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เรื่องความคืบหน้าผลการตรวจสอบเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและคนไร้ที่พึ่ง และนายวิทัศน์ เตชะบุญ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน แถลงผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเยาวชนเอเชีย : จิตอาสาเพื่อชุมชนแห่งการดูแลและเอื้ออาทร ณ ห้องประชุม ชั้น 6 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
+++ส่วนการตรวจสอบการทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กระทรวงศึกษาธิการ ช่วงบ่ายนี้ ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย นัดเข้าหารือกับ นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวง ในฐานะคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแก้ปัญหาทุจริตของกระทรวง ซึ่งจะมีทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้าร่วมด้วย
+++พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึง กรณีกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) นำสำนวนคดีการทุจริตเงินทอนวัดล็อต 3 ให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล คาดว่า จะเข้าที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.ได้เร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช.ไม่มีความกดดันในเรื่องดังกล่าว แม้เรื่องนี้จะมีพระชั้นผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะการทำงานของ ป.ป.ช.ไม่มีใครมากดดันได้ เราทำงานเป็นอิสระ กรรมการแต่ละคนมีดุลพินิจของตัวเองในการลงมติแต่ละครั้ง โดยต้องมีเหตุผล พยายามเร่งในเรื่องดังกล่าว เพราะไม่เป็นการยุติธรรมถ้าปล่อยให้มีข้อกล่าวหาเป็นเวลานาน ขณะเดียวกัน ก็ต้องคำนึงด้วยว่า การเร่งทำสำนวนอาจจะเกิดความเสียหายได้ ดังนั้น จึงต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบ
+++สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช. )นัดประชุมวันพฤหัสบดีที่ 3 พ.ค. นี้ ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลเรื่องการจัดการวัคซีนพิษสุนัขบ้า พร้อมขอมติไม่เปิดเผยรายงานประชุมลับการให้ความเห็นชอบผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ขณะคณะกรรมการสรรหาฯ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นัดพิจารณาเลือกผู้มีคุณสมบัติเป็น กกต. 5 คน เสนอรายชื่อให้ที่ประชุม สนช.
+++ความชัดเจนของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการเข้าสู่การเมืองหลังจากนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยพูดคุยเรื่องอนาคตทางการเมืองกับตัวเอง มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่คิดว่าอาจจะพูดกับคนอื่น ส่วนหากพล.อ.ประยุทธ์ ทำงานการเมืองต่อ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนต่อไปหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ขอตอบเรื่องนี้ดีกว่า ถ้าบอกว่าไม่สนับสนุนจะกลายเป็นว่าเป็นปรปักษ์ แต่ถ้าบอกว่าสนับสนุนก็ต้องเข้ามาช่วยทำงาน ซึ่งเรื่องนี้มีวิธีดูแลตัวเองอยู่แล้ว
+++นายยาน คูม ซีอีโอผู้ร่วมก่อตั้ง Whatsapp ของเฟซบุ๊ก ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งคณะกรรมการบริษัทเฟซบุ๊ก โดยไม่ได้เปิดเผยเหตุผลของการลาออก แต่เมื่อย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว นายไบรอัน แอ็กชัน ผู้ร่วมก่อตั้ง WhatsApp อีกคนหนึ่ง ได้ยื่นหนังสือลาออกจากบริษัทเช่นกัน และหลังจากที่ลาออกไปแล้ว นายแอ็กชัน ก็มักจะกล่าววิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเฟซบุ๊กอยู่เสมอ ส่วนการลาออกของนายคูม เกิดขึ้นท่ามกลางการถกเถียงกันภายในบริษัทว่าควรให้มีการลงโฆษณาหรือไม่ในระบบส่งข้อความของ WhatsApp ซึ่งนายคูม ไม่เห็นด้วยกับการลงโฆษณา สำหรับนายคูมกับนายแอ็กชันร่วมกันก่อตั้ง WhatsApp เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน และเมื่อเฟซบุ๊กซื้อกิจการเมื่อ 4 ปีที่แล้วด้วยมูลค่า 22,000 ล้านดอลลาร์ ทั้ง 2 คนก็ได้รับตำแหน่งผู้บริหารในเฟซบุ๊ก อย่างไรก็ตาม การที่นายคูมลาออกในเวลานี้อาจทำให้เขาไม่สามารถได้รับผลประโยชน์ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์จากการถือครองหุ้นในบริษัท
แฟ้มภาพ