พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้เดินทางกลับถึงประเทศไทย หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ออกเดินทางพร้อมกับนาง นราพร จันทร์โอชา ภริยานายกฯ และคณะไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 32 และการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 11 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 เมษายน 2561 ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยพล.อ.ประยุทธ์ มีสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกล่าวทักทายผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า "สวัสดีจ๊ะ" ก่อนจะเดินขึ้นรถกลับออกไปทันที
ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง กระแสข่าวว่าไทยอาจเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ใช้เจรจากันระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัวเองไม่ขอพูดมาก ปล่อยให้เวลาเป็นตัวตัดสินจะดีกว่า
ส่วนผลการประชุมสุดยอดอาเซียนว่า ที่ประชุมมีการหารือและให้ความสำคัญถึง 3 เรื่องใหญ่คือ การสร้างภูมิภาคอาเซียนให้เข้มแข็ง, การสร้าง Asean Smart City และเรื่อง Cyber Security โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงทางไซเบอร์ที่อาเซียนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศและภูมิภาค ทั้งยังเกี่ยวกับการอาจถูกโจมตีหรือขโมยข้อมูลจากผู้ก่อการร้ายได้ ทั้งนี้จากการประชุมทำให้เห็นภาพชัดขึ้นว่าอาเซียนยืนยันว่าจะให้ความสำคัญกับความมั่นคงของภูมิภาค, การพัฒนาทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการป้องกันภัยจากโลกไซเบอร์ โดยการประชุมทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 เมษายน ซึ่งเป็นการประชุมหลังการเลี้ยงรับรองอาหารค่ำแก่นายกรัฐมนตรีและผู้นำประเทศในอาเซียน ซึ่งวันเดียวกันมีเหตุการณ์สำคัญอีก 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชีย คือ การพบปะกันเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปีของผู้นำเกาหลีเหนือและประธานาธิบดีเกาหลีใต้ รวมทั้งการหารือกันระหว่างผู้นำจีนและอินเดีย จึงถือว่าเมื่อวานนี้ภูมิภาคเอเชียกลายเป็นที่จับตาของโลกเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ในการประชุมอาเซียน นายกรัฐมนตรียังได้หารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีเมียนมาร์ด้วย โดยทางเมียนมาร์หรือประเทศอื่นๆเองไม่มีใครสอบถามถึงสถานการณ์ในประเทศไทยและการเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งของไทยเลย เพราะทุกประเทศรับรู้ว่าประเทศไทยเป็นปกติ ไม่เหมือนในทฤษฎีหรือประเทศแถบละตินที่การรัฐประหารจะมีทหารออกมาคลุมทั่วประเทศ ทั้งนี้มีการหารือถึงการเตรียมเชิญนายกรัฐมนตรีไทยไปเยือนประเทศในอาเซียนและเชิญผู้นำในอาเซียนมาเยือนไทยด้วย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าใครจะไปเยือนใคร แล้วจะเป็นประเทศใดหรือจะเกิดขึ้นในช่วงใด เพราะอยู่ระหว่างเตรียมการซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ยืนยันว่าจะมีอย่างแน่นอน ทั้งนี้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ สิงคโปร์จะมีการจัดประชุม Asean Summit อีกครั้ง ซึ่งในการประชุมดังกล่าวจะมีการหารือทวิภาคีระหว่างกันด้วย ก่อนที่ในปี 2562 ไทยจะรับเป็นผู้นำอาเซียนต่อ ซึ่งไทยต้องเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดอาเซียน และ Asean Summit ในห้วงเวลาเดียวกันกับปีนี้เช่นกัน ซึ่งอาจอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างการเลือกตั้งพอดี แต่ก็จะเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุด ส่วนรัฐบาลนี้จะเป็นผู้จัดหรือไม่ คงจะเป็นเช่นนั้น แต่ทั้งนี้ขอให้มองว่าเป็นเรื่องของประเทศไทยมากกว่า
ส่วนการพบปะกันระหว่างสองผู้นำเกาหลี ทั้งอาเซียนและกระทรวงการต่างประเทศของไทยเองได้ออกแถลงการณ์ที่มีท่าทีไปในทางเดียวกันคือ แสดงความยินดีที่ทั้งสองประเทศหันมาเจรจากัน เชื่อว่าท่าทีดังกล่าวจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการเดินหน้าไปสู่การปรองดองและการอยู่ร่วมกัน ซึ่งถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่งที่จุดร้อนของโลกอย่างคาบสมุทรเกาหลีเริ่มสงบ โดยอาเซียนพร้อมที่จะช่วยเหลือในทางใดทางหนึ่งให้โลกสันติขึ้น
ผู้สื่อข่าว: ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร