หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยอมรับให้คววามสำคัญกับคนรุ่นใหม่ หลัง ศิลปิน BNK48 เข้าพบ เพราะถือเป็นพลังยิ่งใหญ่ของประเทศ อยากให้ร่วมมือ และอย่าขัดแย้งกันเพราะรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาประเทศ ซึ่งจะเป็นของคนรุ่นใหม่ในวันข้างหน้า ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าขณะนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินสายใช้พลังดูดโดยใช้ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีเป็นตัวล่า รวมทั้งห้ามนักธุรกิจใหญ่ให้ความร่วมมือกับพรรคการเมือง นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ตัวเองไม่ใช่เครื่องดูดอากาศหรือเครื่องดูดฝุ่น และไม่มีอำนาจที่จะไปบังคับนักการเมืองหรือนักธุรกิจคนใด จึงเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล รวมถึงจะต้องพิจารณาด้วยว่าตามกฎหมายนักธุรกิจสามารถสนับสนุนนักการเมืองได้จริงหรือไม่ ซึ่งได้สั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้อยู่
ส่วนกระแสข่าวว่าจะดูดตระกูลชิดชอบ มาเข้าร่วมเป็นคิวต่อไป นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ต้องการให้ทุกคนใช้คำว่าดูดตามที่นักการเมืองหรือพรรคการเมืองพูดออกมา การจะว่าใครดูดใครจะต้องกลับไปดูด้วยว่า ที่ผ่านมาพรรคการเมืองดูแลสมาชิกอย่างไร ส่วนในต้นเดือนหน้าจะมีการลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าเป็นการลงพื้นที่ปกติ เหมือนกับที่เป็นการลงพื้นที่ในจังหวัดอื่นๆ ไม่มีการพบใครเป็นการส่วนตัว และพบกันในที่รโหฐาน ส่วนใครจะมารับก็เป็นเรื่องของเจ้าบ้านที่ดี พร้อมย้ำอีกว่าไม่ได้เป็นการหวังผลทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น
ดังนั้นการเป็นรัฐบาลต้องร่วมมือ กันทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ปฏิบัติตามเสียงส่วนใหญ่และดูแลเสียงส่วนน้อยด้วยตามรูปแบบประชาธิปไตย เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำและสามารถกระจายรายได้ออกไปได้ ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลข้างหน้าไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านขอให้ร่วมมือเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีต่อทั้งประเทศ ไม่ใช่ได้ประโยชน์แต่เพียงฝ่ายรัฐบาลเพียงอย่างเดียว
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ไม่ต้องกลัวเมื่อมีการเลือกตั้งจะมีการบริหารจัดการอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม พร้อมยืนยันว่าคสช.และ รัฐบาลไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร เปรียบเสมือนคนกลาง ที่มุ่งหวังว่าไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็จะต้องร่วมมือการทำเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่ ส่วนกรณีการพูดคุยพรรคการเมืองในช่วงเดือนมิถุนายน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะหาโอกาสพูดคุย แต่พรรคการเมืองจะต้องการพูดคุยกับตนเองหรือไม่ยังไม่รู้ จึงขออย่ามากดดันรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่าไม่รู้สึกอึดอัดที่มีผู้เสนอให้เป็นที่ปรึกษาพรรคการเมืองหรือรัฐมนตรีคนนอก แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจร่วมกับพรรคไหน โดยตนเองจะอยู่ตรงกลางนำทุกคนมาร่วมกันบริหารประเทศ ผ่านกลไกประชาธิปไตย อย่ามองการตั้งที่ปรึกษา เป็นการหวังผลทางการเมือง แค่เป็นการนำความรู้มารวมกัน แล้วเสนอมาใช้ในการทำงานขับเคลื่อนประเทศ
นอกจากนั้น กำลังให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินคดีกับ นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาระบุว่าคสช. เตรียมสืบทอดอำนาจโดยใช้เงินตั้งพรรคทหารถึง 40,000 ล้านบาท เพราะการจะกล่าวหาใครต้องมีหลักฐาน ขอให้นำข้อมูลออกมาแสดงว่าเงิน 40,000 ล้านมาจากไหน โดยยืนยันว่าโครงการทุกโครงการของรัฐบาลมีการตรวจสอบอย่างจริงจัง และยืนยันอย่างเต็มร้อยด้วยว่าตัวเองไม่เคยทุจริต การเผยแพร่ข้อความที่เป็นเท็จเข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จึงขอให้ระมัดระวัง เพราะส่วนตัวไม่อยากให้ใครเดือดร้อน ซึ่งยำว่ารัฐบาลไม่ได้ขู่แต่ต้องการให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง