หลังการหารือร่วมกัน ระหว่าง นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และ นายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือหมอแสง และทีมนักวิจัยประสิทธิภาพสมุนไพรสูตรของนายแสงชัยต่อการรักษาโรคมะเร็ง โดยใช้เวลาหารือนานกว่า 3 ชั่วโมง และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน หรือผู้ใดเข้าร่วมรับฟังแต่อย่างใด
นพ.ณรงค์ กล่าวภายหลังการหารือว่า กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้นำตัวอย่างสมุนไพรนายแสงชัย มาทดลองในลักษณะตัวยาที่มีความเข้มข้นต่างกัน แยกเป็นที่อยู่ในสารน้ำ ในเลือด และปริมาณที่มีความเข้มข้นสูงๆ แล้วนำสมุนไพรนี้ไปทดสอบกับเซลล์มะเร็ง 7 แบบ คือมะเร็งเต้านม3 ชนิด มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้และมะเร็งกระเพาะอาหาร ผลการทดลองในหลอดทดลองนั้น พบว่าตัวฤทธิ์ของสมุนไพรไม่สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ แต่กรมการแพทย์แผนไทยฯ ก็ได้ศึกษาต่อในเรื่องของคุณภาพชีวิต ก็พบว่าสามารถใช้ประโยชน์ได้
สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งควรเข้ารับรักษาทั้งแพทย์แผนไทย และแพทย์แผนปัจจุบัน ควบคู่กันไป ทุกระยะ จะช่วยให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด อย่ารักษาแค่ทางใด ทางหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นระยะท้ายๆ การรักษาด้วยยาของหมอแสง ทำได้เพียงประคับประคองอาการ แต่หากเป็นระยะต้นๆ ก็รักษาควบคู่กันไป ซึ่งในสมุนไพรของหมอแสงไม่พบสารพิษ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ส่วนสมุนไพรสูตรของหมอแสง ยังไม่สามารถขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพตามกฎหมายได้
ส่วนนายแสงชัย กล่าวว่า สิ่งที่กรมการแพทย์นำไปทดลองนั้น เป็นเพียงการวิจัยในหลอดทดลอง ซึ่งปรากฎว่าไม่มีผลในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง แต่ไปอยู่ในตัวคนแล้วเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หรือไม่ พร้อมยืนยันว่ายังแจกสมุนไพรต่อไป เพราะเป็นความหวังของประชาชน ทำมา 10 กว่าปีแล้วแม้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจะเปลี่ยนไป แต่สมุนไพรของเราจะเป็นตำนาน
ด้านการขายสูตรให้ต่างชาตินายแสงชัยบอกว่าก็ไม่แน่หากหมอไทยบอกไม่ได้ เราจะเอาสูตรไว้ทำไม ต่างชาติเขาฉลาดก็ทำ ที่แจกยาก็มีหมอจากต่างประเทศทั้งเยอรมัน รพ.จากอเมริกา ก็มาเฝ้าทุกระยะเพื่อติดต่อขอซื้อ แต่ยังไม่อยากขาย กลัวคนไทยไม่มีกิน ย้ำว่า จะแจกยากต่อไปในวันที่ 2 พ.ค.นี้ จะแจกที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับกำลังการผลิตขณะนี้ อยู่ที่ 4 แสนเม็ดต่อเดือน