คนร้ายก่อเหตุสังหารเด็กหญิงวัย 4 ขวบรับสารภาพ / ตำรวจตรวจสอบสัญชาติที่แท้จริง

พลตำรวจโท จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย  พลตำรวจตรีฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา คดี เด็กหญิงวัย 4 ปี ถูกฆ่าและนำศพใส่ถุงดำทิ้งไว้ในท่อระบายน้ำ ซึ่งนายชาตรี สีดี หรือ โอม ผู้ต้องหา รับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุและฆ่าปิดปากจริง โดยให้การว่า ในวันที่ 3 กันยายน ช่วงเย็น นายชาตรีนั่งดื่มเหล้าอยู่หน้าห้องเก็บของของอาคาร พี เอ็น อพาร์ทเม้นต์ และเด็กหญิงวัย 4 ปี เข้ามาขอเงินไปซื้อขนมตามปกติ เนื่องจากรู้จักคุ้นเคยกันดี และเคยให้เงินเด็กไปซื้อขนมหลายครั้ง แต่เนื่องจากดื่มเหล้าทำให้มีอาการเมา และเกิดอารมณ์ทางเพศ จึงฉุดกระชากเด็กเพื่อข่มขืน แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากเด็กขัดขืนและร้องเสียงดัง จึงบีบคอเด็กจนเสียชีวิต แล้วนำศพใส่ถุงดำยัดไว้ในท่อระบายน้ำ จากนั้นในเช้าวันที่ 4 กันยายน เวลาประมาณ 06.00 น. จึงหลบหนีไปพักอยู่ที่ปาโว่ ทาวเวอร์ ก่อนจะถูกจับกุม 

ทั้งนี้นายชาตรี ยืนยันว่า เป็นคนไทย แม้จะไม่มีชื่อในระเบียนราษฎร์ เพราะไม่เคยทำบัตรประจำตัวประชาชน แต่ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการกองบัญชาการศึกษา ในฐานะช่วยราชการรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  ซึ่งควบคุมชั้นการสอบสวน ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่คนไทย เพราะที่แขนขวาและแขนซ้ายของนายชาตรี มีรอยสักเป็นภาษาพม่า ซึ่งจากนี้จะต้องมีการขยายผลต่อไปที่บริษัทรักษาความปลอดภัยเพื่อตรวจสอบ รวมถึงจะต้องไปดูข้อกฏหมายว่าอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัย ถือเป็นอาชีพสงวนไว้เฉพาะคนไทยหรือไม่ หากพบว่าเป็นอาชีพสงวนไว้เฉพาะคนไทยก็จะต้องตรวจสอบบริษัทพนักงานรักษาความปลอดภัยทั่วประเทศต่อไปเช่นกัน แต่หากไม่ใช่อาชีพสงวน ก็จะต้องมีการปฏิรูปเรื่องกฏหมายเพราะถือเป็นอาชีพที่ดูแลความปลอดภัย จึงควรสงวนไว้ให้คนไทย

ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้จะนำตัวนายชาตรี ไปฝากขังที่ศาลธนบุรี โดยจะไม่นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย

ส่วนศูนย์เยียวยาเหยื่ออาชญากรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางมามอบเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท ให้กับครอบครัวของเด็กหญิงวัย 4 ปี ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544

 

...ผสข.บุศรินทร์ วรสมิทธิ์