กรณีพระผู้ใหญ่ 5 รูปถูกกล่าวหาว่าพัวพันทุจริตเงินทอนวัด โดย 3 ใน 5 รูปเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) ด้วย พระธรรมกิตติเมธี (เกษม สัญญโต) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร และประธานกรรมการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ถ้ามีความละโมภเกิดขึ้นก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะมีการทุจริต แต่การจะทุจริตได้ตบมือข้างเดียวคงไม่ดัง เชื่อว่า คงมีหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) รวมทั้งพระสงฆ์เองอาจไม่เคร่งครัดกับการจ่ายเงินหรือดูแลเงิน โดยเฉพาะกับทั้ง 3 วัดที่มีกิจการการเผยแพร่ศาสนาและสอนพระปริยัติธรรมจำนวนมาก ซึ่งอาจรับเงินมาแล้วไปอุดหนุนวัดอื่นๆได้
พระธรรมกิตติเมธี ยังอธิบายถึงช่องทางโอกาสการทุจริตว่า โดยปกติงบอุดหนุนที่มาจากพศ. จะแบ่งอุดหนุนให้แต่ละวัดเป็น 3 ทาง คือ ทางกิจการเผยแพร่พระพุทธศาสนา, ทางบูรณะซ่อมแซม และทางการศึกษาพระปริยัติธรรม ซึ่งถ้าพระสงฆ์ที่ดูแลเงินนำเงินจากช่องทางหนึ่งไปใช้อีกช่องทางหนึ่ง แต่เป็นการใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อกิจการของวัด เช่น นำงบบูรณะซ่อมแซมไปใช้เป็นงบศึกษาพระปริยัติธรรม แล้วมีการนำเงินจำนวนดังกล่าวมาใช้คืนภายหลังก็ถือว่ายังไม่ผิด แต่หากไม่นำเงินมาคืนก็จะมีความผิด แต่ความผิดไม่ถึงขั้นต้องปาราชิก ในทางตรงกันข้าม หากนำเงินอุดหนุนนี้ไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยเฉพาะ เช่น ซื้อรถ จะถือว่ามีความผิดและต้องปาราชิก โดยเสนอเรื่องให้มส.พิจารณา ทั้งนี้ ยอมรับว่าช่องทางเช่นนี้อาจเป็นช่องโหว่ให้ทุจริตได้ แต่ก็ควรดูถึงเจตนาการใช้เงินเป็นหลัก เชื่อว่าโดยส่วนใหญ่แล้วพระสงฆ์คงไม่มีความมุ่งมั่นดังกล่าว
สำหรับรายได้ของวัด โดยปกติวัดที่มีอยู่ทั่วประเทศ 38,000 วัดรวมกันแล้วสามารถหาเงินจากจิตศรัทธาญาติโยมได้มากกว่างบอุดหนุนที่มาจากพศ.หลายหมื่นล้านบาทต่อปี นับแค่เฉพาะผ้าป่า วัดแต่ละวัดก็ได้มากกว่า 200,000 บาทแล้ว ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่างบอุดหนุนอย่างวัดราชาธิวาสที่ได้เพียง 1 แสนบาทต่อปี ดังนั้นแต่ละวัดจึงพึ่งพางบที่หาได้เองเป็นหลัก ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมาแต่ละวัดอาจมีการแจกแจงทรัพย์สินที่หามาได้เองบ้าง แต่คงแจกแจงไม่ครบ ส่วนอนาคตถ้าจะแก้กฎไม่ให้วัดรับเงินจากพศ.เลยก็อาจจะได้ แต่สุดท้ายเชื่อว่าคงจะไม่ถึงขั้นนั้น
ทั้งนี้ คิดว่ากรณีดังกล่าวหน่วยงานที่ฟ้องร้องก็มีสิทธิในการแจ้งข้อหากับพระทั้ง 5 รูป และอาจส่งผลให้เกิดปัญหาในหมู่พระบ้าง แต่คงไม่ถึงขั้นเกิดเป็นม็อบพระ ส่วนกรณีนี้จะทำให้ศาสนาเสื่อมลงหรือไม่ ก็บอกว่าทุกวันนี้ยังบินฑบาตรได้ปกติ ส่วนจะเกิดล็อตที่ 4 ที่ 5 ตามมาหรือไม่ก็ไม่แน่ และยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องใดๆกับกรณีเงินทอนวัด พร้อมกันนี้ได้แนะทางออกว่าควรดำเนินการไปตามกระบวนการทางกฎหมาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆควรออกมาชี้แจง แต่คงไม่ถึงขั้นต้องแจกแจงทรัพย์สิน และอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าพระทั้ง 5 รูปมีความผิด เพราะขณะนี้เป็นแค่การตั้งข้อหาเท่านั้น ทั้งนี้ ฝากคนไทยทุกคนให้ยึดมั่นอยู่ในความดี รักษาศีล และละจากสิ่งมึนเมาทั้งปวง พร้อมฝากชี้แจงด้วยว่าเดิมทีไม่ได้นัดสื่อทุกช่องมาแถลงข่าว แต่มีบางช่องที่มาขอความเห็นเท่านั้น
ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร