การสรุปผลการดูแลประชาชนที่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน มีรถโดยสารสาธารณะเกิดอุบัติเหตุ 15 ครั้ง ถ้าเทียบจากช่วงเดียวกันของสงกรานต์ปีที่แล้วพบว่าลดลง 5 ครั้ง และจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในปีนี้15 ครั้ง มี 8 ครั้ง ที่รถโดยสารสาธารณะเป็นต้นเหตุ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 6 คน แต่ไม่พบผู้เสียชีวิต
ขณะที่การดำเนินงานตามมาตรการ 7 วันเข้มข้นความปลอดภัยการเดินทาง ตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะ จำนวนทั้งสิ้น 140,154 คัน ประกอบด้วย รถโดยสารสาธารณะกรุงเทพฯ - ต่างจังหวัดทุกเส้นทางจำนวน 70,374 คันและรถโดยสารสาธารณะเส้นทางระหว่างจังหวัดจำนวน 69,780 คัน พบรถที่มีข้อบกพร่องในตัวรถ 438 คัน กระทบต่อความปลอดภัยและได้สั่งห้ามใช้รถจำนวน 21 คัน เนื่องจากไม่มีการเชื่อมต่อข้อมูลกับศูนย์บริการจัดการเดินรถในระบบ GPS และสั่งเปลี่ยนรถคันใหม่ 11 คัน เนื่องจากสภาพยางมีรอยฉีกขาด ไฟเบรคชำรุด
ด้านการตรวจความพร้อมของพนักงานขับรถ พบข้อบกพร่อง 26 คน ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการให้บริการ ได้สั่งเปลี่ยนตัวคนขับรถจำนวน 7 คน พร้อมกับเปรียบเทียบปรับ บันทึกประวัติที่ศูนย์ข้อมูล ประวัติผู้ขับรถสาธารณะ ส่วนการตรวจความพร้อมรถโดยสารและรถเช่าเหมาลำไม่ประจำทางในเส้นทางสายหลัก 16 จังหวัด พบรถมีข้อบกพร่องจำนวน 171 คัน จากการตรวจสอบทั้งสิ้น 32,624 คัน โดยห้ามใช้รถจำนวน 15 คัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาเกี่ยวกับเข็มขัดนิรภัยที่ใช้งานไม่ได้หรือกระจกมีรอยแตกร้าว และระบบ GPS เชื่อมต่อไม่เสถียร ขณะที่ พนักงานขับรถ พบว่า ไม่ปฏิบัติตามระเบียบจำนวน 245 ราย ส่วนใหญ่เป็นการแต่งกายไม่เรียบร้อยและไม่ลงบันทึกเวลาในสมุดประจำรถ ด้านการตรวจสารเสพติดของพนักงานขับรถ ตรวจพบและนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย 4 ราย อย่างไรก็ตาม เป็นการตรวจพบก่อนออกจากสถานี ทำให้ไม่เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน ส่วนการตรวจสอบการใช้ความเร็วของรถโดยสารจากระบบ GPS พบรถที่ฝ่าฝืนใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนดเป็นรถโดยสารประจำทาง 34,664 คัน และรถโดยสารไม่ประจำทาง 23,207 คัน
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ในช่วง 7 วันอันตราย ได้ดำเนินการเข้มข้นตามมาตรการ 777 ยกกำลัง 3 ที่ร่วมมือกับภาคภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน การดูแลความปลอดภัย กรมการขนส่งทางบก ไม่ได้เน้นแค่ในช่วงเทศกาลเท่านั้น แต่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยในทุกวัน รวมถึงในปีนี้ยังได้ถอดบทเรียนมาตรการต่างๆ จากปีที่ผ่านมา ใช้มาตรการป้องกัน ทั้งการสแกนความพร้อมรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถก่อนออกจากสถานี ติดตามพฤติกรรมการขับรถและความเร็วของรถโดยสารประจำทางและรถโดยสารเช่าเหมา รวมถึงการรณรงค์ร่วมกับภาคภาคีเครือข่ายด้วย
ผู้สื่อข่าว:เกตุกนก ครองคุ้ม