+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงเรื่องการจราจรที่ยังคงมีปัญหาที่มีการบาดเจ็บสูญเสีย ที่จะต้องแก้ไขปัญหาต่อไป เพราะสาเหตุส่วนใหญ่ไม่เคารพกฏหมาย ซึ่งสถิติการเกิดอุบัติเหตุก็ยังเป็นรถจักรยานยนต์เช่นเดิม และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮลล์ กำชับให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฏหมายให้มากขึ้น เนื่องจากไม่มีวิธีการอื่นในการแก้ไขปัญหาได้ดีกว่านี้ อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดบริเวณถนนสายรอง ทั้งที่มีการตั้งด่านตรวจกว่า 2,000 แห่ง และใช้กำลังคนไปกว่า 60,000 คน ตรวจรถยนต์ไปกว่า 1 ล้านคัน แต่ก็ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นดังนั้นจึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้มาตรการอื่นๆควบคู่ไปกับมาตรการทางกฎหมาย
+++ความเคลื่อนไหวการเมือง นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึง กระแสข่าวการรับเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่จะตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ หลังการเลือกตั้งว่า อยู่ในช่วงของการพิจารณาหารือได้พูดคุยกับผู้ที่อาจจะมีความเห็นร่วมกันได้ เช่นนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนมีการทาบทามกลุ่มทางการเมืองมาร่วมด้วยหรือไม่ ยังไม่ถึงเวลา แต่ถ้าถามว่ามีการคุยกันในเรื่องเศรษฐกิจหรือไม่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นเรื่องที่จะมาช่วยประเทศชาติ จึงไม่จำกัด หลายกลุ่มก็มีความสนใจ แต่การไปพูดคุยเพื่อฟอร์มทีมอะไร ยังไม่ได้ทำ นายอุตตม ยืนยันว่า ส่วนตัวสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ มีความเหมาะสม แต่ก็ขึ้นอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์
+++ส่วนมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เป็นที่ปรึกษานายกฯฝ่ายการเมือง นายสนธยา กล่าวว่า เพราะคิดว่าจะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ รวมถึงสังคมได้ เป้าหมายคือต้องการผลักดันโครงการเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยจะเป็นตัวกลางในการผลักดันให้เกิดประโยชน์สูงสุด
+++นายสนธยา กล่าวถึง กรณีที่หลายฝ่ายสงสัยถึงการรับตำแหน่งครั้งนี้เป็นการปูทางร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐในอนาคตหรือไม่ ว่า การเข้ามาทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ไม่อยากให้หลายฝ่ายมองเป็นเรื่องการเมือง ยืนยันว่าการรับตำแหน่งนี้เพื่อทำประโยชน์ให้พื้นที่และสังคม ในส่วนตัวก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคพลังชล และยืนยันสมาชิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
+++มีการจับตามองช่วงบ่ายนี้ แกนนำพรรคเพื่อไทยประมาณ20 คนที่นำโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ไปออกรอบที่สนามกอล์ฟนิกันติ จ.นครปฐมของตระกูลสะสมทรัพย์ จากนั้นจะมีการรับประทานอาหารเย็นร่วมกันด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้เป็นแค่ก๊วนกอล์ฟของพรรคไปออกกำลังกายกันเท่านั้นเอง ซึ่งก๊วนแกนนำพรรคจะวนไปออกรอบตามสนามต่างๆ เป็นปกติอยู่แล้ว ช่วงสาย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำพรรคเปิดบ้านรดน้ำในช่วงสงกรานต์
+++นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึง การจัดทำความเห็นเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ประกอบการวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เป็นหน้าที่กรรมาธิการเสียงข้างมาก และสมาชิก สนช.ที่ร่วมลงชื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ประธาน สนช.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เชื่อว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเตรียมข้อมูลไว้พร้อมแล้ว โดยขณะนี้ยังเหลือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับที่รอประกาศบังคับใช้ ประกอบด้วย ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ซึ่งอยู่ระหว่างการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ได้ส่งรายละเอียดที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความไปยังครม.แล้ว อยู่ระหว่างการประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมาย
+++หลังจากที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัด พบมีการเชื่อมโยงถึงพระชั้นผู้ใหญ่ว่า เป็นเรื่องของการทำงานตามหลักฐานต่างๆ โดยจะต้องนำข้อมูลส่งต่อไปกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ดำเนินการตรวจสอบอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และขอร้องด้วยว่าผู้ที่อาจจะเป็นห่วงควรอยู่ในความสงบเรียบร้อย เพราะการตรวจสอบเป็นการทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น และพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่คนไทยกว่าร้อยละ 90 นับถือ จึงต้องช่วงกัน ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามหลักฐาน วัตถุพยาน และพยานบุคคล ทั้งนี้ย้ำว่าการเคลื่อนไหวต่างๆนั้นไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะเป็นเหมือนการกระทำผิดในคดีอื่นๆเท่านั้น
+++ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวถึง กรณีกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ส่งสำนวนคดีทุจริตเงินทอนวัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 4 คดี ซึ่งมีพระชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวข้อง 5 รูปว่า ก่อนหน้านี้ บก.ปปป.ส่งสำนวนทุจริตเงินทอนวัดมายังป.ป.ช.แล้วรวม 34 เรื่อง และได้มีการแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนไปแล้ว 11 เรื่อง อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริงอีก 23 เรื่อง ส่วนเรื่องใหม่นี้ เพิ่งส่งเข้ามา เจ้าหน้ากำลังตรวจสอบรายละเอียด
+++สำนักงาน ป.ป.ช.รายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทราบแล้วว่าเบื้องต้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับ 3 – 4 วัดดังในกทม. คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้ มอบหมายให้สำนักไต่สวนภาครัฐ 1 (สตร.1)เข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ โดยตั้งเป็น คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริง ซึ่งถือเป็นขั้นตอนแรกของการทำงาน คือ การตรวจรับคำกล่าวหา และถ้าอยู่ในอำนาจ ป.ป.ช. จะดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง และถ้าดูพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนดำเนินการมาว่ามีมูล ก็จะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนต่อไป อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบเบื้องต้นตำรวจยังรวบรวมพยานหลักฐานไม่ได้มากนัก เพราะมีเวลาแค่ 30 วันก่อนที่จะส่งให้ ป.ป.ช. แต่ได้ให้นโยบายเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่าให้เร่งรัดเรื่องนี้
แฟ้มภาพ