DSIรับพิจารณาคดีนายพอละจี หรือ“บิลลี่”นักต่อสู้สิทธิมนุษยชนที่หายตัวไปเป็นคดีพิเศษ

17 เมษายน 2561, 15:40น.


หลังสื่อมีการเผยแพร่แถลงการณ์ของ คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2561 เกี่ยวกับคดีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ “บิลลี่” นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ที่หายตัวไปในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 ว่า “ประเทศไทย : ยังคงไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในวันครบรอบ 4 ปีที่ “บิลลี่” ถูกบังคับสูญหาย” และระบุว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ปฏิเสธการรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ โดยได้เรียกร้องให้ DSI ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนและสอบสวนเรื่องดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพนั้น เนื่องจากข้อมูลกรณีดังกล่าวคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงอยู่มาก


กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงขอชี้แจงทำความเข้าใจต่อสาธารณชน ดังนี้ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำชาวบ้านกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ได้หายตัวไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 ระหว่างที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจับกุมในความผิดเก็บของป่าและถูกควบคุมตัวอยู่ 


พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน พื้นที่เกิดเหตุ ได้ดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมนายพอละจีฯ ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีอ้างว่าจับกุมนายพอละจีฯ ในความผิดเก็บของป่า แต่ปล่อยตัวไปโดยไม่ได้ดำเนินคดี และส่งสำนวนการสอบสวนไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) แล้ว โดยเรื่องอยู่ระหว่างการไต่สวน


นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมีนอ ภรรยาของนายพอละจีฯ ได้ยื่นเรื่องขอให้ DSI สืบสวนเกี่ยวกับการหายตัวไปของนายพอละจีฯ อีกทางหนึ่ง และขอให้รับเป็นคดีพิเศษ ซึ่ง DSI ได้ทำงานโดยบูรณาการกับตำรวจภูธรภาค 7 และหน่วยงานในพื้นที่ ปัจจุบันสืบสวนเสร็จแล้ว เห็นว่าการหายตัวไปอาจเกิดจากการกระทำผิดอาญา DSI จึงเสนอเรื่องต่อคณะอนุกรรมการคดีพิเศษ และคณะอนุกรรมการคดีพิเศษได้เสนอความเห็นควรรับเป็นคดีพิเศษต่อคณะกรรมการคดีพิเศษในการประชุมครั้งที่ผ่านมาแล้ว 


ในการประชุม คณะกรรมการคดีพิเศษเห็นว่ายังขาดข้อมูลในส่วนที่คณะกรรมการ ป.ป.ท. ดำเนินการอยู่ มาประกอบการพิจารณา มีมติว่าไม่ซ้ำซ้อนกับอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ท. และเนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญที่กระทบอำนาจการสอบสวน คณะกรรมการคดีพิเศษจึงมีมติให้ DSI ไปดำเนินการเพิ่มเติมในส่วนดังกล่าว และนำเสนอเพื่อประกอบการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อมีมติในครั้งต่อไป


DSI ยืนยันว่าการดำเนินการทุกประการเป็นไปตามกฎหมาย และเรื่องยังอยู่ในกระบวนการทำงาน มิใช่มีมติไม่รับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษแล้วตามที่ปรากฏในข่าวแต่อย่างใด จึงชี้แจงมาเพื่อทราบ
ข่าวทั้งหมด

X