+++นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข สั่งการให้โรงพยาบาลในเส้นทางหลักจาก4 ภาคจัดเตรียมกำลังแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน รองรับเหตุฉุกเฉินในช่วงการเดินทางกลับของประชาชนอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง อุบัติเหตุในช่วงขากลับที่พบได้บ่อยและต้องระมัดระวัง คือ คนขับหลับในจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องขับรถในระยะทางไกลๆ ดังนั้น ก่อนเดินทางคนขับรถต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ7-9 ชั่วโมง หาเพื่อนร่วมทางพูดคุย ผลัดกันขับรถ หยุดพักรถทุกๆ150 กิโลเมตรหรือทุก2 ชั่วโมง แม้ว่าจะยังไม่รู้สึกเหนื่อย หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่ทำให้ง่วงซึมเมื่อรู้สึกง่วง หรือ ล้า อย่าฝืนขับ ให้เปลี่ยนคนขับหรือแวะจอดรถในที่ปลอดภัยและงีบหลับประมาณ 15นาทีก็จะช่วยได้ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับสัญญาณเตือนของอาการง่วงขณะขับรถ มี 8 ประการ ได้แก่ 1.หาวบ่อยและหาวต่อเนื่อง 2.ใจลอยไม่มีสมาธิ 3.เหนื่อยล้า หงุดหงิดกระวนกระวาย4.จำไม่ได้ว่าขับรถผ่านอะไรมา 5.หนักหนังตา ตาปรือ ลืมตาไม่ขึ้น มองเห็นภาพไม่ชัด 6.มึน หนักศีรษะ 7.ขับรถส่ายไปมา หรือ ออกนอกเส้นทางและ 8.มองข้ามสัญญาณไฟและป้ายจราจร
+++พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม แสดงความขอบคุณและเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมกันทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังในการดูแลความมั่นคงปลอดภัยของสังคม รวมทั้งการป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมทั้งขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้ความร่วมมือกับมาตรการต่างๆ พล.อ.ประวิตร ย้ำกับทุกส่วนราชการ ขอให้คงเข้มบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถใช้ถนนอย่างต่อเนื่องจริงจังตลอดทั้งปี เพื่อร่วมสร้างวินัยจราจรในสำนึกและหน้าที่ของทุกคน และขอให้กระทรวงมหาดไทย รวบรวมข้อมูลสถิติอุบัติเหตุในทุกพื้นที่ เพื่อวิเคราะห์และแยกแยะ สำหรับการบริหารจัดการและกำหนดมาตรการต่างๆให้ครอบคลุมกับปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในภาพรวมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการแก้ไขที่เป็นรูปธรรมในระดับพื้นที่ ควบคู่กับการรณรงค์สร้างการรับรู้และจิตสำนึกความปลอดภัยบนท้องถนนร่วมกัน
+++ตามที่พรรคการเมือง มีความกังวลเกี่ยวกับการยืนยันสถานะสมาชิกพรรคภายใน 30 วัน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) รักษาการเลขาธิการกกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวว่า กกต.ได้ประสานคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ไปแล้วเรื่องข้อห่วงใยต่างๆของพรรคการเมือง และทราบว่าคสช.จะมีการแก้ไขคำสั่ง 53/2560 อีกทั้งเรื่องคำสั่งดังกล่าวยังอยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องการประชุมของพรรคการเมือง ยังเกี่ยวโยงกับความมั่นคงและการชุมนุม คสช.คงยังไม่อนุญาต
+++ส่วนกลุ่มการเมืองที่ขอจดแจ้งตั้งพรรค ก็ได้ทยอยส่งคำขอประชุมพรรคไปยังคสช.แล้ว เพียงแต่ต้องรอการอนุญาต นอกจากนี้แม้ว่ากฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับที่ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณาตีความ สำนักงานกกต.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ระหว่างนี้จึงมีการเตรียมร่างประกาศและระเบียบต่างๆ ควบคู่กับการรอกฎหมายออกมา เมื่อกฎหมายออกมาครบทั้ง 4 ฉบับทุกอย่างก็จะสมบูรณ์ เริ่มนับหนึ่งของการเลือกตั้งได้ทันที
+++พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวถึง การทำงานของสำนักงานกกต. ยังยึดตามโรดแม็พของรัฐบาลและคสช.ที่จะให้มีการเลือกตั้งช่วงเดือนก.พ.2562 ส่วนกกต.ใหม่ทั้ง 7 คน ถ้ามีการเลือกตั้งในช่วงดังกล่าว คาดว่าจะมาทัน และถ้ามาแล้วก็ต้องเรียนรู้ให้รวดเร็ว โดยใช้เวลา 1-2 เดือน น่าจะเพียงพอ ซึ่งถ้ามองภาพรวมไม่ยาก หากมีการเลือกตั้ง มีการร้องเรียน ก็จะบังคับใช้กฎหมายทั่วไป ไม่น่ามีปัญหา และเท่าที่เห็นรายชื่อผู้เข้ารับการสรรหาก็มาเคยทำงานเลือกตั้งมาบ้างก็มี
+++กรณีกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ป.ป.ป.) ได้รับการร้องทุกข์จาก พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ร้องทุกข์กล่าวโทษคดีทุจริตเงินทอนวัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 แห่ง 4 คดี มีชื่อพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เปิดเผยว่า บก.ป.ป.ป. ได้ส่งสำนวนทั้งหมด 4 สำนวน ซึ่งเป็นกรณีที่มีพระชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวข้องทั้งหมด 5 รูป ไปให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แล้ว เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ดังนั้นอำนาจการสอบสวนจะอยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช.ที่จะต้องตรวจสอบเรื่องทุจริตต่อไป ในส่วนของการฟอกเงินจะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และในวันที่ 19 เม.ย. ได้นัด ผอ.พศ. มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เรื่องทุจริตเงินทอนวัด ที่จะเป็นคดีใหม่โดยบางประเด็นจะมีการเจาะลึกลงไปถึงงบประมาณในแต่ละวัด ซึ่งไม่เกี่ยวกับ 4 สำนวนที่ส่งไปยัง ป.ป.ช.
+++เว็บไซต์แชนเนลนิวส์เอเชียของสิงคโปร์ รายงานอ้างนายโมฮัมหมัด ฟูซี ฮารุน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของมาเลเซียว่าตำรวจอยู่ระหว่างการเร่งติดตามไล่ล่า 4 คนร้าย อันตรายที่เชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) ซึ่งมีแผนจะก่อเหตุลักพาตัวและฆ่าตำรวจและโจมตีศาสนสถานต่างๆที่ไม่ใช่ของชาวมุสลิม ทั้ง 4 คนคือนายมูฮาหมัด ไฟซาล มูฮาหมัด ฮานาฟี,นายมูฮาหมัด ฮานาฟี ยาห์ ทั้งสองคนนี้เป็นพลเมืองมาเลเซียจากรัฐกลันตัน คนที่ 3 คือนายนอร์ ฟาร์ข่าน โมฮัมหมัด อีซา เป็นชาวมาเลเซียจากรัฐยะโฮร์ และรายที่ 4 เป็นคนไทยอายุ 37 ปีคือนาย อาแว แว-เอยา ตำรวจมาเลเซีย ขอความร่วมมือให้ประชาชนที่รู้เบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายทั้ง 4 คนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือคนร้ายทั้ง 4 คนจะติดต่อขอเข้ามอบตัวกับตำรวจได้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซียในย่านบูกิตบินตัง กรุงกัวลาลัมเปอร์ หรือที่สถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ
+++ตำรวจ เตือนว่า คนที่ทราบเบาะแส แต่ไม่ยอมแจ้งให้ตำรวจทราบหรือให้การช่วยเหลือ หรือให้ที่หลบซ่อนกับคนร้าย จะมีความผิดทางอาญาคือ อาจจะถูกจำคุกในอัตราโทษระหว่าง 7-30 ปี ก่อนหน้านี้ตำรวจหน่วยปราบปรามก่อการร้ายในรัฐยะโฮร์ สามารถจับสมาชิกอื่นๆของกลุ่มไอเอสได้รวม 6 คน ระหว่างการตรวจค้นบ้านต้องสงสัยหลายจุดในพื้นที่ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ถึงวันที่ 1 มีนาคม แต่ 4 คนดังกล่าว สามารถหลบหนีไปได้และถือว่าเป็นคนร้ายอันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติของมาเลเซีย
+++บีบีซี รายงานอ้างนายเชน ฟิตซ์ซิมมอนส์ เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงประจำรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย ถึงความคืบหน้าเหตุไฟป่าที่เริ่มลุกลามในพื้นที่ตอนใต้ของนครซิดนีย์ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ทำให้พื้นที่ป่าเสียหายแล้วประมาณ15,625 ไร่ เบื้องต้น ยังไม่มีรายงานเรื่องผู้เสียชีวิต และอาคารบ้านเรื่อง ที่ยังไม่ถูกไฟไหม้ แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง เตือนว่า ไฟอาจจะลุกลามและไหม้บ้านเรือนบางแห่งในจุดเสี่ยง ก่อนหน้านี้ หน่วยงานท้องถิ่น อพยพชาวบ้านหลายครัวเรือนออกจากจุดเสี่ยงตั้งแต่วานนี้ เบื้องต้น ตำรวจคาดว่า อาจจะเป็นการลักลอบวางเพลิง ซึ่งเป็นการกระทำที่อาจจะเกิดอันตรายทั้งกับพนักงานดับเพลิงและประชาชนที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นดังกล่าว ตำรวจ จึงเริ่มสอบสวนคดีนี้แล้ว ขณะเดียวกัน ได้เตือนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงเกิดเหตุไฟไหม้ให้รีบอพยพออกจากบ้านเรือน
+++ด้านสำนักงานพยากรณ์อากาศของออสเตรเลีย เตือนก่อนหน้านี้ว่า อากาศร้อนจัดและลมแรงในพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย ส่งผลทำให้ไฟป่าลุกลามเร็วยิ่งขึ้น และลำบากในการดับไฟ แต่ปรากฏว่าในวันนี้ กระแสลมเริ่มเบาลงเมื่อเทียบกับช่วง 2-3 วันก่อน ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงคุมเพลิงได้ง่ายขึ้น คาดว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิง อาจจะดับไฟป่าได้ทั้งหมดภายในคืนนี้
แฟ้มภาพ