กรณีที่มีกลุ่มพรรคการเมืองเกือบ 100 พรรค เข้าจดแจ้งเตรียมการจัดตั้งพรรคกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
นาย มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) เปิดเผยว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่าประชาชนหันมาสนใจการเมืองมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างความแปลกใหม่และเป็นทางเลือกให้ประชาชน ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าการเมืองไทยไม่ได้จำกัดอยู่แค่พรรคใหญ่ๆเหมือนสมัยก่อน แต่จะได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละพรรคด้วย ในส่วนภาคประชาชนก็มองว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่ได้มองแค่นักการเมืองเก่าๆหรือยึดติดในสายสัมพันธ์เดิมๆที่มีกับนักการเมืองอีกต่อไป แต่มองไปที่ตัวคุณภาพของนักการเมือง ชื่อเสียง และความดีที่ทำไว้ ซึ่งในอนาคตน่าจะได้เห็นสิ่งแปลกๆในการเลือกตั้ง โดยเฉพาะวิธีการลงคะแนนในบัตรเลือกตั้งที่กรธ.กำหนดให้เป็นบัตรใบเดียวที่เลือกทั้งพรรคและตัวผู้สมัครในเขต ซึ่งประชาชนจะต้องคิดวิเคราะห์มากขึ้นก่อนกาบัตร เพื่อมิให้คะแนนเสียงสูญเปล่า เพราะจะมีผลถึงการเลือกพรรครัฐบาลด้วย และเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น มีความหวังที่อยากได้นักการเมืองหรือรัฐบาลชุดใหม่ๆเข้ามาบริหารประเทศ ทั้งยังมองว่าในอนาคตการทำโพลแบบเก่าๆก็น่าจะน้อยลง
นาย มีชัย ยังฝากถึงผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งว่าควรมองถึงผลประโยชน์ของประเทศมากกว่าประโยชน์ของพรรคตัวเองหรือคะแนนนิยม เพราะหากมุ่งทำให้ประชาชนมีความสุข ประเทศชาติพัฒนา พรรคก็จะได้รับคะแนนนิยมไปในตัว ทั้งยังแนะว่าผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งจะต้องไม่ทำเหมือนในอดีตที่พรรคได้คะแนน แต่ประชาชนกลับได้แค่ผลพลอยได้เล็กน้อย โดยอยากให้มองในมุมกลับคือ คิดถึงสิ่งที่ประชาชนและประเทศชาติจะได้รับเป็นหลัก ส่วนสิ่งที่พรรคจะได้รับเป็นเรื่องรองหรือเป็นแค่ผลพลอยได้ เช่นนี้การเมืองจะเดินไปได้
ส่วนความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นหลังเลือกตั้ง มองว่าขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นความขัดแย้งในลักษณะใด หากเป็นเรื่องแนวคิดทางการเมืองก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะการเมืองเป็นเรื่องต่างคนต่างคิด แต่หากเป็นความขัดแย้งแบบการใช้ม็อบประจันหน้ากันเหมือนอดีตคงไม่ใช่เรื่องดี และประชาชนก็คงไม่ยอมรับ สุดท้ายอาจนำไปสู่การให้ทหารหรือเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องออกมาจัดการความขัดแย้งอีกครั้ง
....
แฟ้มภาพ
ผสข.ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร