ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างนายสตีเฟน มัวร์ อดีตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯว่า ไม่มีอะไรที่จะสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯขณะดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศในยุคใหม่นี้ได้มากเท่ากับการเปิดโปงในหลายเรื่องที่อาจจะสร้างความเสียหายให้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์โดยนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผอ.เอฟบีไอของสหรัฐฯ ซึ่งตีแผ่เรื่องนี้ในหนังสือเล่มใหม่ของเขาชื่อว่า อะไฮเออร์ ลอยเอิลตี(แปลภาษาไทยว่า ความภักดีต่อแผ่นดินของข้าราชการระดับสูง
หลายฝ่ายมองว่า พรรคเดโมแครตของสหรัฐฯอาจจะใช้ประเด็นเรื่องศีลธรรม สติปัญญาหรืออารมณ์ความรู้สึกของประธานาธิบดีทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน เป็นประเด็นการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งกลางเทอมของสส.สหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายนนี้ นายโคมีย์รอนานถึง 11 เดือน จึงเปิดโปงสาเหตุที่ประธานาธิบดีทรัมป์สั่งปลดเขาอย่างฉับพลันเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ในหนังสือเล่มนี้นายโคมีย์วิจารณ์นายทรัมป์ว่า เป็นโกหกอยู่ตลอดเวลา ไร้ซึ่งจริยธรรมและมนุษยธรรม และถือมั่นในอัตตาของตนเองอยู่เสมอ ที่สำคัญคือเป็นผู้นำประเทศที่ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ในตำแหน่งของตนเอง อีกทั้งไม่รู้สึกหวั่นวิตกกรณีรัสเซียมีแนวคิดที่จะทำลายระบอบประชาธิปไตยในแบบของชาวอเมริกัน
ที่สำคัญคือหนังสือเล่มนี้เปิดเผยถึงการข่มขู่จากประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเรียกร้องให้ความภักดีจากผู้ใต้บังคับบัญชาในเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่คำนึงถึงหลักนิติธรรม อีกประเด็นหนึ่งที่สร้างความเสียหายกับนายทรัมป์คือ หนังสือเล่มนี้เปิดโปงด้วยว่าบริษัทแม่ของบริษัทเนชั่นแนล เอ็นไควเรอร์ ยอมจ่ายเงินให้กับพนักงานต้อนรับแขกคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในเครือบริษัทของนายทรัมป์เพื่อให้ช่วยปกปิดข่าวลือที่ว่านายทรัมป์รับเลี้ยงดูลูกนอกสมรสคนหนึ่ง ในเรื่องนี้ ซีเอ็นเอ็นไม่ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่หากเป็นเรื่องจริงก็ดูจะสอดคล้องกับอีกหลายๆเรื่องในทำนองว่า นายทรัมป์ยอมจ่ายเงินค่าปิดปากให้กับกลุ่มคนที่อาจจะทราบและขู่จะตีแผ่เรื่องชีวิตส่วนตัวของเขาในทางเสียหาย