เอฟเอโอยกย่องสมเด็จพระเทพรัตน์ฯรณรงค์แก้ไขปัญหาขาดแคลนอาหาร/รองนายกฯปัดพูดลงเล่นการเมือง/วันแรกจับเมาแล้วขับกว่า3พันราย

12 เมษายน 2561, 12:04น.


ข่าวเที่ยงครึ่งวัน 12.30 น.



+++นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟ เอ โอ) ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 34 ที่เมืองนาดี ประเทศฟิจิ ในระหว่าง 11-13 เม.ย.61 โดยมีประธานาธิบดีฟิจิและผู้อำนวยการใหญ่เอฟ เอ โอ ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิด  ภายในงานมีการฉายวิดีทัศน์สมเด็จพระเทพฯ ที่ได้ทรงกล่างถึงการแก้ไขปัญหาความขาดแคลนอาหารและการปรับปรุงโภชนาการ โดยนายโฮเซ กราเชียโน ดา ซิลวา ผู้อำนวยการใหญ่ของเอฟ เอ โอ ได้กล่าวยกย่องถึงบทบาทของสมเด็จพระเทพรัตน์ฯในฐานะทูตพิเศษประจำเอฟ เอ โอ ในการรณรงค์แก้ไขปัญหาการขาดอาหารและโภชนาการ ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคอื่นๆ ที่ทรงมีพระราชกรณียกิจช่วยเหลือผู้ยากไร้ และพัฒนาโภชนาการของเด็ก



+++นอกจากนี้ ทางเอฟ เอ โอ ยังมีการแจกจ่ายเอกสารเผยแพร่พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเทพฯ ในที่ประชุมระดับรัฐมนตรีเกษตรด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงดำรงตำแหน่งทูตพิเศษด้านการขจัดความหิวโหยสำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก พระองค์ทรงดำเนินโครงการเพื่อช่วยลดความหิวโหยมาตั้งแต่ปี 2523 เช่น โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน กองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร พระองค์มีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาค เช่น ลาว พม่า กัมพูชา ภูฏาน และบังกลาเทศ



 สำหรับนโยบาลของรัฐบาลไทยขณะนี้ได้ริเริ่มโครงการไทยนิยมยั่งยืน โดยจัดสรรเงินงบประมาณกว่า 100,000 ล้านบาท ในการดำเนินโครงการดังกล่าวมีแผนงานและงบประมาณด้านการปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตรกว่า 24,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกรลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารของประเทศ โดยใช้แนวคิดการทำงานร่วมกัน ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน หรือ “ประชารัฐ” โดยมีการจัดทำประชาคม และรับฟังปัญหาระดับชุมชน โดยใช้การสำรวจความต้องการและปัญหาในระดับชุมชนเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน



+++พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ถูกทาบทามให้ลงเล่นการเมือง ว่า ไม่ขอออกความคิดเห็น รวมทั้งตนเองก็ยังไม่ทราบถึงกระแสการตั้งพรรคการเมืองของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และไม่ได้อยู่ร่วมวงพูดคุยกับใคร หากใครจะเชิญเข้าร่วมพรรค ก็ไม่ขอออกความคิดเห็น เพราะเพียงทำงานแก้ไขปัญหา การทำประมงผิดกฎหมายหรือ IUU และการบริหารจัดการน้ำ ก็หมดเวลาแล้ว ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นด้วยหากมีพรรคการเมืองที่มาสานต่อนโยบายและยุทธศาสตร์ชาติที่วางไว้ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ดังนั้นจะเป็นใครก็ได้ แต่ถ้าเข้ามาแล้วสานงานต่อก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะอยากเห็นความต่อเนื่องในการทำงานด้วย



+++นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. เปิดเผยว่า ขณะนี้แกนนำนปช.ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกพรรค เป็นอดีตส.ส. และเป็นอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ในการพูดคุยกันนอกรอบนั้น แกนนำนปช.ได้ให้เสรีภาพกับแกนนำนปช.ทุกคนที่จะตัดสินใจว่าจะเป็นสมาชิกพรรคใดหรือไม่ หรือเป็นผู้สมัครส.ส.ของพรรคใดหรือไม่ แต่หลักการคือ บทบาทของพรรคการเมืองที่แกนนำนปช.จะเข้าไปร่วมนั้นจะต้องยืนอยู่บนหลักการประชาธิปไตย ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ และไม่ตอบสนองต่อวิถีเผด็จการใดๆทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม หลายคนได้ยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 4 เม.ย.



+++ส่วนกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองของคนเสื้อแดงด้วยว่า คนเสื้อแดงผ่านการต่อสู้ทางการเมืองมาอย่างยาวนาน ซึ่งอาจจะมีบางส่วนที่มีแนวคิดว่าอยากจะขับเคลื่อนในระดับนโยบาย ดังนั้นการตั้งพรรคการเมืองจึงอาจจะมีขึ้นได้สำหรับคนบางกลุ่ม ซึ่งตรงนี้เราถือเป็นเสรีภาพ ส่วนกระแสข่าวแกนนำนปช.เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ประเทศจีนนั้น ยืนยันว่าแกนนำนปช.ไม่มีใครเดินทางไปพบกับนายทักษิณในช่วงนี้



+++พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกของเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งการเดินทางสัญจรกลับภูมิลำเนาของประชาชนเป็นไปอย่างหนาแน่นในเส้นทางสายหลัก อาทิ ถนนมิตรภาพ ถนนเพชรเกษม ถนนพหลโยธิน โดยเฉพาะในพื้นที่สถานีขนส่งหลักที่เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทาง เช่น สนามบิน สถานีรถไฟ สถานีขนส่งประจำจังหวัด สถานีขนส่งในกทม. หมอชิต สายใต้ใหม่ เอกมัย ซึ่งบางแห่งยังมีประชาชนรอการเดินทาง รอขึ้นรถอีกจำนวนหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ได้ออกตรวจและดูแลความเรียบร้อยในภาพรวม ป้องปรามอาชญากรรม เพื่อให้ผู้เดินทางได้รับความสะดวกและได้เดินทางตามกำหนด



สำหรับสถิติตามมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” ในวันแรกวันที่ 11 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับ 3,339 ราย แยกเป็น ในส่วนรถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 1,864 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถไว้ 105 คัน ยึดใบขับขี่ 356 ใบ และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 1,457 คน สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 1,475 ครั้ง ยึดรถยนต์ 41 คัน เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบขับขี่ไว้ 82 ใบ ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 1,259 คน

ข่าวทั้งหมด

X