สมชัย ส่งไลน์ขอบคุณนักข่าวสายคลังตลอด28ปี /เงินสะพัดช่วงสงกรานต์ 1.32 แสนล้าน สูงสุดรอบ 13 ปี/สตช.-ปปง.คืนเงินชดเชยให้เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

11 เมษายน 2561, 13:49น.


+++หลังจากที่นายสมชัย สัจจพงศ์ ตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกจากราชการ โดยการปฏิบัติหน้าที่ล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว นายสมชัย ได้เข้าร่วมประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังและธนาคารกลางอาเซียนที่ประเทศสิงคโปร์ จากนั้น ได้ลาพักผ่อนไปต่างประเทศกับครอบครัวจนถึงวันที่ 17 เม.ย.นี้ นายสมชัย นั่งในตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังมาตั้งแต่เดือน ต.ค.2558 เป็นระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน สำหรับอายุเวลาราชการของนายสมชัย ยังเหลือเวลาอีกประมาณ 2 ปี ก่อนที่จะเกษียณ



+++นายสมชัย ส่งไลน์ให้กลุ่มผู้สื่อข่าวกระทรวงการคลัง หลังตัดสินใจลาออกจากราชการ ภายหลังที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)โยกย้ายไปเป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ระบุว่า พี่อู้ขอขอบคุณน้องๆ ทุกคนที่ทำให้ชีวิตการรับราชการพี่มีความสุขตลอด 28 ปี สิ่งที่น้องๆ ได้สะท้อนต่อสาธารณะทำให้กระทรวงการคลัง มีบทบาทต่อชีวิตของคนไทยทั้งชาติ ดีใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้ร่วมทำงานกับน้องๆ ซึ่งหลายคนในราชการไม่เคยได้มีโอกาสอย่างพี่ พี่มีความสุขครับและจะจำความสุขนี้ในใจตลอดไป ขอบคุณในมิตรภาพที่ดีที่มีต่อพี่ครับ



+++กระแสการโยกย้ายใหญ่ในกระทรวงการคลัง มีรายงานระบุว่า หนึ่งในบุคคลที่จะเข้ามานั่งในตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง คือ นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร และมีการคาดหมายว่าอาจจะเป็น นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มาเป็นปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่ด้วย



+++นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า จะเสนอชื่อปลัดคลังคนใหม่แทนที่นายสมชัย ให้ครม.เห็นชอบ หลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะแต่งตั้งใคร จะมาจากคนในหรือนอกกระทรวงการคลังก็ยังไม่รู้ เพราะพรุ่งนี้ก็หยุดทำงานแล้ว นายอภิศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายสมชัย ก่อนที่ครม.เห็นชอบก็ได้แจ้งกับปลัดกระทรวงการคลัง ว่ามีคนขอให้ไปนั่งเป็นเลขาธิการ สศช. ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ต้องดูแลขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของประเทศ โดยปลัดกระทรวงการคลัง ก็นั่งฟังเงียบๆ ไม่ได้คัดค้านไม่ได้ว่าอะไร



+++การเดินทางในช่วงสงกรานต์ 2561 นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2561 คาดว่าจะมีเงินสะพัด 1.32 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.50 เทียบสงกรานต์ปี 2560 โดยเป็นมูลค่าการใช้จ่ายสูงสุดรอบ 13 ปี นับตั้งแต่ที่มีการสำรวจ หรือตั้งแต่ปี 2549 ที่มีการใช้จ่ายช่วงสงกรานต์ 8.85 หมื่นล้านบาท  สาเหตุมาจากมีช่วงวันหยุดยาวถึง 5-6 วัน ทำให้คนวางแผนท่องเที่ยวและการใช้จ่ายมากขึ้น และกระแสออเจ้า ทำให้คนนิยมแต่งชุดไทยเดินทางท่องเที่ยวทั้งเมืองหลักเมืองรอง แต่ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยถือว่ายังโตกระจุกตัว เพราะสินค้าเกษตรยังคงตกต่ำ เป็นเรื่องที่ที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหา โดยยังมองเศรษฐกิจไทยปีนี้โตในกรอบร้อยละ 4.2-4.6



+++พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ พักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ธนาคารกสิกรไทย  ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงเทพ ร่วมกันแถลงมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนครั้งที่ 11โดยสามารถอายัดและคืนเงินให้กับผู้เสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เช่น กรุงเทพฯ จันทบุรี ปราจีนบุรี ตราด นครนายก กาฬสินธุ์ รวม 11 ราย เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นการอายัดเงินของผู้เสียหายได้เต็มจำนวน  4 ราย



+++จากการสอบสวนพบว่า ผู้เสียหายที่แจ้งอายัดเงินทางสายด่วน 1155 และ1710 หรือแจ้งทางธนาคาร หากแจ้ง  15-30 นาทีที่ถูกหลอก จะได้เงินคืนเต็มจำนวน แจ้งภายใน 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง จะอายัดได้มากกว่าครึ่ง และหากพ้น 1 ชั่งโมงขึ้นไปจะอายัดได้เพียงบางส่วนหรือน้อยกว่าครึ่ง



+++สำหรับสถิติการรับแจ้งเหตุตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2560 ถึง 10 เมษายน 2561 มีทั้งสิ้น 419 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 209 ล้านบาท สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายคืนได้รวม 87 ราย รวมเงินกว่า 16 ล้านบาท 



+++พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ย้ำว่าไม่ว่าเงินที่ถูกหลอกจะมากน้อยเพียงใด  กำชับเจ้าหน้าที่ให้ช่วยอายัดคืนประชาชนให้ได้มากและเร็วที่สุด พร้อมฝากประชาชนแจ้งเบาะแสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ส่งกำลังไปปราบปรามเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใน 4 ประเทศรวม 5 ครั้งทำให้สถิติการเกิดเหตุลดลงต่อเนื่อง เช่น เดือนพฤศจิกายน 2560 มี 73 ครั้ง ,ธันวาคม 67 ครั้ง, มกราคม 65 ครั้ง ,กุมภาพันธ์ 36 ครั้ง,มีนาคม 28 ครั้ง และล่าสุดเดือนเมษายน ยังไม่มีเหตุเกิดขึ้น นับเป็นการทำงานที่ประสบผลสำเร็จ จากแนวโน้มสถิติแจ้งเหตุที่ลดต่ำลง



+++ด้านนายพีรพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ รองโฆษก ปปง.ฝากเตือนประชาชนว่า แม้แนวโน้มการเกิดเหตุจะลดลงแต่อย่าประมาท  โดยสถิติการแจ้งเหตุของ ปปง.ลดลง.สอดคล้องกับตำรวจ อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามผู้กระทำผิด มักอ้างว่าแม้ตัวถูกจับกุม แต่ครอบครัวสบาย ดังนั้น ปปง.ขอชี้แจงว่าคิดผิด เพราะผู้ต้องหา จะถูกตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อติดตามกลับคืนให้ประชาชน



 



แฟ้มภาพ 



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X