การลงพื้นที่ตรวจรถทัวร์โดยสารและรถตู้สาธารณะ บริเวณสถานีขนส่งกรุงเทพฯ หมอชิตใหม่ ช่วงประตูทางออก นายสาโรจน์ มะคำไก่ เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน กองตรวจการขนส่ง กรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้เน้นย้ำว่าคนต้องพร้อม รถต้องพร้อม เพื่อรองรับความปลอดภัยและเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารที่โดยสารรถสาธารณะ โดยกรมการขนส่งทางบกจะตรวจเข้มความพร้อมของรถทัวร์โดยสารและรถตู้ก่อนที่รถจะวิ่งออกจากสถานีขนส่งกรุงเทพฯ หมอชิตใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่ารถทุกคันจะเดินทางได้อย่างปลอดภัย เป็นการตรวจทุกคันไม่ใช่การสุ่มตรวจ
สำหรับสภาพตัวรถทัวร์และรถตู้โดยสาร จะมีการตรวจความพร้อมของรถเหมือนๆกันคือ ตรวจว่ามีกระจกร้าวหรือไม่ มีการบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนอัตราที่นั่งที่แจ้งไว้กับกรมการขนส่งทางบกหรือไม่ มีเข็มขัดนิรภัยครบทุกที่นั่งหรือไม่ มีทางออกสู่ประตูฉุกเฉินที่สะดวกหรือไม่ รวมถึงการตรวจส่วนควบต่างๆของรถทั้งสองประเภทว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเพียงใด ที่สำคัญจะมีการตรวจเช็ครถทัวร์และรถตู้ทุกคันที่ออกวิ่งว่าจะต้องมีการติดตั้งเครื่องจีพีเอสที่เป็นการติดตามตัวรถระหว่างวิ่ง ซึ่งจีพีเอสดังกล่าวจะระบุถึงอัตราความเร็วที่รถวิ่งว่าเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ และมีการพักรถระหว่างวิ่งทุกๆ 4 ชั่วโมงหรือไม่ โดยปกติคนขับรถ 1 คนห้ามขับรถติดต่อกันเกิน 4 ชั่วโมง และเมื่อวิ่งรถครบ 4 ชั่วโมงจะต้องเปลี่ยนคนขับเสมอ ทั้งนี้ ถ้าตรวจพบว่ารถคันใดไม่มีการติดตั้งเครื่องจีพีเอส เจ้าหน้าที่จะทำการพ่นข้อความที่ตัวรถว่า "ห้ามใช้" ในทันที และถ้าพบว่ารถคันใดมีสภาพไม่พร้อมใช้งานก็จะดำเนินการเปรียบเทียบปรับหรือถึงขั้นพักรถไม่ให้ออกวิ่งเช่นกัน และต้องดำเนินการเปลี่ยนรถคันใหม่ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต่อผู้โดยสาร แต่ที่ผ่านมายังไม่พบว่ามีรถทัวร์หรือรถตู้คันใดไม่ติดตั้งระบบจีพีเอส
ส่วนคนขับรถทัวร์และรถตู้ ก็จะมีการตรวจเหมือนๆกัน แต่จะเน้นการตรวจวัดแอลกฮอลล์ที่ต้องเป็นศูนย์ และตรวจใบขับขี่ว่าจะต้องถูกต้องและไม่หมดอายุ พร้อมทั้งตรวจเช็คสภาพคนขับว่าต้องไม่มีอาการอิดโรย ง่วงนอน หรือไม่พร้อมขับรถ ถ้าพบว่าคนขับอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมขับรถ จะห้ามมิให้นำรถออกทันที จากการตรวจที่ผ่านมายังไม่พบว่าคนขับรถมีสภาพง่วงนอนหรือใบขับขี่หมดอายุ เพราะโดยปกติแล้วเชื่อว่าคนขับทุกคนต้องเตรียมตัวมาอย่างดีก่อนออกวิ่งแล้ว
การตรวจในวันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้า พบรถทัวร์ทำผิดกฎทั้งสิ้น 7 คัน โดย 2 คัน มีการบรรทุกผู้โดยสารเกินอัตราที่นั่งที่แจ้งไว้กับกรมการขนส่งทางบก เจ้าหน้าที่จึงปรับ 5,000 บาท ตามมาตรา107 ของพระราชบัญญัติขนส่งทางบก จากการสอบถามผู้ขับรถก็บอกว่ารู้ว่าผิดกฎหมาย เพราะผู้ประกอบการเคยแจ้งแล้ว แต่ผู้โดยสารอยากกลับบ้าน จึงต้องรับมา นอกจากจะปรับแล้ว กรมการขนส่งทางบกยังต้องขอให้ผู้โดยสารที่ขึ้นมาเกินลงรถไปรอต่อคันใหม่ด้วย
ขณะที่อีก 4 คัน พบว่ามีกระจกร้าว เจ้าหน้าที่จึงเปรียบเทียบปรับ 1,000 บาท แล้วแจ้งให้ไปปรับแก้ไข จากการสอบถามคนขับทราบว่า เคยแจ้งกับผู้ประกอบการรถแล้ว แต่ผู้ประกอบการบอกให้วิ่งไปก่อน ตัวเองจึงต้องนำรถออกมาวิ่งตามคำสั่ง โชคดีว่าค่าปรับสามารถนำไปเบิกผู้ประกอบการได้ ส่วนอีกคันพบว่ามีการนำเบาะที่นั่งมาวางขวางประตูฉุกเฉิน ปรับไป 2,000 บาท นายสาโรจน์ ระบุว่า ค่าปรับที่เสียใช้ได้วันต่อวัน ถ้าไม่แก้ไขแล้ววันพรุ่งนี้ตรวจพบก็จะถูกปรับใหม่อีก ส่วนรถตู้วันนี้ยังไม่พบการทำผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับตัวคนขับรถทั้งสองประเภทก็ยังไม่พบว่ามีคนใดมีปริมาณแอลกฮอลล์ ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสถานีขนส่งต่างๆตลอดวัน เชื่อว่าเย็นวันนี้จะเป็นช่วงที่ผู้โดยสารเดินทางออกต่างจังหวัดมากที่สุด
สำหรับบรรยากาศที่สถานีขนส่งกรุงเทพฯ หมอชิตใหม่ วันนี้มีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ลงพื้นที่ตรวจรถจำนวนมากเช่นเดียวกับประชาชนที่ต่างทยอยมาที่ขนส่งเพื่อรอเดินทางกลับภูมิลำเนา และในช่วงบ่ายจะสลับอีกชุดมา เนื่องจากคาดว่าวันนี้จะมีผู้โดยสารเดินทางออกเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าว: ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร