อียู รับหมดหวังลดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุได้ตามเป้าหมาย/ฟิลิปปินส์ ยันชัยชนะของปธน.ดูเตอร์เตโปร่งใส/เกาหลีเหนือ เผยยังไม่มีการตัดสินใจเจรจาระหว่างปธน.เกาหลีเหนือ-รัสเซีย

11 เมษายน 2561, 05:27น.


+++น.ส.วิโอเลตา บลุค กรรมาธิการด้านการขนส่งแห่งสหภาพยุโรป(อียู)แถลงถึงรายงานอุบัติเหตุทางรถยนต์ในกลุ่มประเทศอียูเมื่อปี2560 หรือ ปี 2017 ว่า ไม่สามารถทำตามได้ตามเป้าหมายในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในกลุ่มประเทศอียูลงครึ่งหนึ่งภายในปีค.ศ.2020 เพราะแม้จะดำเนินความพยายามอย่างเต็มที่แล้วพบว่าสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้เพียง 300 ศพเท่านั้นของเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 25,300 ศพ และบาดเจ็บสาหัสมากถึง 135,000 คน



+++กลุ่มอียู ได้ทุ่มงบประมาณสำหรับแผนการลดอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่จำนวนผู้เสียชีวิตก็ลดลงไปเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับตัวเลขผู้เสียชีวิต 26,000 ศพ  เมื่อปี 2016 ซึ่งกรรมาธิการด้านการขนส่งแห่งสหภาพยุโรป ยอมรับว่า หากตัวเลขยังคงเป็นอัตราเช่นนี้ คงไม่มีทางบรรลุถึงเป้าหมายภายในปี 2020 สวีเดน มีอัตราการเสียชีวิต 25ศพ ต่อประชากร 1 ล้านคน อังกฤษ 27 ศพ ส่วนโรมาเนีย 98 ศพและบัลแกเรีย 96 ศพ



+++ตำรวจมอลตา เปิดเผยว่า เกิดอุบัติเหตุรถบัสสองชั้น นำนักท่องเที่ยวต่างชาติประสบอุบัติเหตุชนกิ่งต้นไม้ที่ห้อยลงมาต่ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ เป็นชายชาวเบลเยียมวัย 62 ปี และหญิงชาวสเปนวัย 37ปี ที่เหลืออีก 6คนบาดเจ็บสาหัส นายคริส เฟียร์เน รัฐมนตรีสาธารณสุขของมอลตา กล่าวถึง ผู้บาดเจ็บว่า เป็นชาวอังกฤษ 3 คน แยกเป็นเด็กชาย 2 คน อายุ 6 และ 8 ปี ขณะที่ผู้ใหญ่ก็เป็นชายวัย 44 ปี ส่วนที่เหลือเป็นหญิงชาวเยอรมันวัย 31ปี หญิงชาวอิตาลีวัย 72 ปี และ ชายวัย 35 ปี ยังไม่ทราบสัญชาติ



+++อุบัติเหตุเกิดขึ้นที่เมืองซูร์ริเอก ห่าง 16 กม.จากกรุงวัลเลตตา เมืองหลวงของมอลตา เป็นเส้นทางสัญจรที่มีรถบัสนำนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้อยู่บ่อยครั้ง ขณะที่สื่อท้องถิ่น รายงานว่า กิ่งไม้ของต้นไม้ห้อยต่ำลงมากว่าปกติเพราะมีลมพัดกระโชกแรงช่วงกลางคืนของวันอาทิตย์ และนักท่องเที่ยวชอบนั่งชั้นบนของรถบัสสองชั้นเพื่อชมทิวทัศน์



+++ก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ของกัมพูชา เปิดเผยว่า ตำรวจ สามารถสกัดแผนระเบิด 2 จุดได้สำเร็จคือ แผนระเบิดโจมตีบริเวณสถูปเจดีย์แห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญและจังหวัดเสียมราฐ ที่ตั้งของนครวัด แหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของกัมพูชา นักเคลื่อนไหวฝ่ายต่อต้านรัฐบาลคือนายซัม เซรีย์ ที่ลี้ภัยอยู่ในเดนมาร์ก วางแผนจะสั่งการให้สมาชิกของเขา ลงมือโจมตีทั้งสองจุดในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อสร้างเหตุวุ่นวายขึ้นในประเทศ แต่รัฐบาลสามารถสกัดแผนและควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมดแล้ว



+++นายฮุนเซน อยู่ระหว่างการเตรียมจัดการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกรกฏาคมนี้ หลายฝ่าย คาดว่า เขาจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านหลัก ถูกศาลสั่งให้ยุบพรรค ขณะที่แกนนำหลายคนจากพรรคฝ่ายค้านมีคดีฟ้องร้องอยู่ในศาลซึ่งอาจจะส่งผลให้พวกเขาหมดสิทธิ์ลงสมัครเลือกตั้งในครั้งนี้



+++ สำหรับกลุ่มของนายซัม เป็นผู้นำกลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติเขมร(เคเอ็นแอลเอฟ) ถูกรัฐบาลกัมพูชา ระบุว่า อยู่เบื้องหลังแผนโจมตีในกัมพูชาหลายครั้ง และศาลมีคำตัดสินเมื่อปี 2557 ว่าสมาชิก 13 คนของกลุ่มเคเอ็นแอลเอฟว่า มีความผิดฐานตระเตรียมแผนล้มล้างรัฐบาล



+++ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชน ระบุว่า คดีดังกล่าวเป็นความพยายามของรัฐบาลเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคฝ่ายค้านในภาพรวม นายฮุนเซนและรัฐบาลปฏิเสธว่าไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายต่างๆเพื่อช่วยให้ประเทศเกิดความสงบสุข ความมั่นคงและความเจริญทางเศรษฐกิจให้กับกัมพูชา หนึ่งในประเทศที่พลเมืองมีฐานะยากจนมากที่สุดในเอเชีย หลังเกิดสงครามและไร้เสถียรภาพการเมืองมาเป็นเวลาหลายสิบปี



+++หลังจากที่ประเทศมาเลเซีย ประกาศวันเลือกตั้งทั่วไป ในวันพุธที่ 9 พ.ค.นี้ มีรายงานระบุว่า ปกติแล้วมาเลเซีย จัดการเลือกตั้งในวันช่วงวันหยุดสัปดาห์ ครั้งหลังสุดที่จัดการเลือกตั้งในวันธรรมดาคือปี 2542 นายวัน ไซฟุล วัน จัน สมาชิกพรรคพีพีบีเอ็ม หรือ เบอร์ซาตู ที่มี ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพรรค กล่าวว่า เป็นอีกหนึ่งความพยายามของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคและพรรคอัมโน ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลผสม ที่จะโกงการเลือกตั้ง เพราะต้องการให้คนออกไปใช้สิทธิน้อย เนื่องจากรู้ดีว่า ชาวมาเลเซียจำนวนมากจะไม่ลงคะแนนให้



+++นักวิชาการในออสเตรเลีย คาดว่า หากมีคนออกไปใช้สิทธิต่ำกว่าร้อยละ 65 รัฐบาลผสมมีสิทธิชนะเลือกตั้งถล่มทลาย



+++บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางการเมือง มองว่า การเลือกตั้งวันธรรมดาทำให้คนหนุ่มสาวที่อยู่ในต่างประเทศไม่สะดวกที่จะกลับมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ขณะที่ มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อยู่ในต่างประเทศส่วนใหญ่สนับสนุนฝ่ายค้าน คณะกรรมการการเลือกตั้งมาเลเซียประกาศเมื่อเดือนมกราคมว่า ผู้อาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน ภาคใต้ของไทย จะต้องกลับมาลงคะแนนในประเทศเท่านั้น ไม่สามารถลงคะแนนทางไปรษณีย์ นอกจากนี้การเลือกตั้งวันธรรมดายังทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐด้อยพัฒนาอย่างกาลิมันตัน ซาบาห์ ซาราวัก ไม่สะดวกที่จะลางานเพื่อไปเลือกตั้ง



+++หนังสือพิมพ์นิวสเตรทส์ไทมส์รายงานว่า รัฐมนตรีศึกษาธิการมาเลเซีย ประกาศให้โรงเรียนทั่วประเทศหยุดในวันเลือกตั้ง เพราะทางการมักใช้โรงเรียนเป็นหน่วยเลือกตั้ง และให้ครูอาจารย์เป็นเจ้าหน้าที่ประจำคูหา อย่างไรก็ดี ทางการเปิดให้ลงคะแนนล่วงหน้าได้ในวันเสาร์ที่ 5 พ.ค. สำหรับผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิกว่า 3 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นทหาร ตำรวจที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในวันเลือกตั้งและครอบครัว ข้อมูลล่าสุดจนถึงไตรมาสสุดท้ายปีก่อน มาเลเซีย มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 14.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งปี 2556 ที่มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้ง 13.3 ล้านคน และออกไปใช้สิทธิร้อยละ 85



+++โฆษกประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์ ยืนยันว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งปี 2559 ไม่ได้มาจากการซื้อข้อมูลและไม่ได้จ้างบริษัทข้อมูลอังกฤษที่นำข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊กไปใช้ด้วย โฆษก กล่าวว่า ชัยชนะของประธานาธิบดีดูเตอร์เตซื่อสัตย์และถูกต้อง พร้อมกับอ้างคำกล่าวของนายการ์ลอส โดมิงเกซ รัฐมนตรีคลังที่เคยเป็นผู้ดูแลการเงินในคณะหาเสียงของนายดูเตอร์เตว่า ไม่เคยติดต่อกับบริษัทเคมบริดจ์ อนาลีติกา บริษัทข้อมูลอังกฤษ ที่ถูกระบุว่านำข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊กไปใช้ประโยชน์สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2559 และการลงประชามติอังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป หรือเบร็กซิทในปีเดียวกัน



+++นายโดมิงเกซ กล่าวว่า เป็นการกล่าวหาเลื่อนลอย หลังจากหนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ในฮ่องกงรายงานเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เอสซีแอล บริษัทแม่ของเคมบริดจ์ อนาลีติกา อ้างว่า มีส่วนช่วยให้นายดูเตอร์เต ได้เป็นผู้นำฟิลิปปินส์ 



+++หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ระบุว่า นายอเล็กซานเดอร์ นิกซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เคมบริดจ์ อนาลีติกาที่ถูกสั่งพักงานอยู่ในขณะนี้ เคยรับประทานมื้อค่ำกับเจ้าหน้าที่สองคนในคณะหาเสียงของนายดูเตอร์เตที่กรุงมะนิลาก่อนการเลือกตั้งเดือนพ.ค.2559 พร้อมกับลงภาพประกอบด้วย



+++ในจำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊ก ที่คาดว่าถูกเคมบริดจ์ อนาลีติกานำข้อมูลไปใช้กว่า 87 ล้านราย อยู่ในสหรัฐฯมากที่สุด รองลงมาคือฟิลิปปินส์ คณะกรรมการความเป็นส่วนตัวแห่งชาติของฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า เฟซบุ๊กแจ้งว่า บริษัทข้อมูลอังกฤษได้ข้อมูลจากผู้ใช้ชาวฟิลิปปินส์ราว 1.17 ล้านราย บริษัทนี้แถลงยืนยันเมื่อวานนี้ว่า ไม่ได้เจาะข้อมูลผู้ใช้ แต่ได้มาจากบริษัทวิจัยที่หาข้อมูลอย่างถูกกฎหมายด้วยเครื่องมือที่มีอยู่ในเฟซบุ๊ก



+++นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย พูดคุยหารือกับนาย รี ยอง โฮ รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ และให้สัมภาษณ์หลังจากนั้นว่ารัสเซีย สนับสนุนการติดต่อกันและกันระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือกำลังเตรียมความพร้อมเรื่องการประสานงานทางการทูตระหว่างประเทศ ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้าการประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯและ นายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ 

+++นายรี เดินทางถึงกรุงมอสโกเมื่อวันจันทร์ และพูดคุยกับนายนิโคไล ปาตรูเชฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย ขณะเดียวกัน นายลาฟรอฟ เปิดเผยหลังจากหารือกับนายรี ว่ายังไม่มีการตัดสินใจเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาระหว่างนายคิม และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย



 



File Photo AFP  



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X